เนื้อหมูส่วนไหนทอดอร่อย เคล็ดลับทอดหมูให้นุ่ม กรอบ อร่อยทุกคำ

เนื้อหมูส่วนไหนทอดอร่อย เคล็ดลับเลือกหมูทอดให้นุ่มกรอบ อร่อยทุกคำ

เนื้อหมูส่วนไหนทอดอร่อย คำถามนี้คงเป็นคำถามที่หลายคนอยากรู้ เพราะหมูทอดเป็นเมนูยอดฮิตของใครหลายคน ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็แวะซื้อได้ แถมยังสะดวกอีก เรียกได้ว่าการทอดหมู ไม่ได้มีดีที่เครื่องปรุงหรือตอนหมักเนื้อหมูเท่านั้น การเลือกก็สำคัญไม่แพ้กัน เพราะเนื้อหมูแต่ละส่วนจะมีรสชาติ และเนื้อสัมผัสที่แตกต่างกันออกไป เนื้อหมูบางส่วนอาจจะทอดออกมาแล้วนุ่ม ละลายในปาก บางส่วนก็กรอบ มันกำลังดี หรือบางส่วนเนื้ออาจจะแน่น บอกเลยว่าแค่เลือกเนื้อหมูให้ถูก ก็ไม่ต้องมานั่งกังวลว่าเนื้อหมูจะเหนียว หรือไม่นุ่มแล้ว ในบทความนี้เราจะพาทุกคนไปตะลุยกันว่า เนื้อหมูส่วนไหนทอดอร่อยที่สุด พร้อมกับเคล็ดลับความอร่อยทั้งการเลือก และหมักเนื้อหมู เพียงแค่นี้จากเมนูหมูทอดธรรมดา ๆ ก็กลายเป็นเมนูจานโปรดของใครหลายคนแน่นอน! เนื้อหมูส่วนไหนทอดอร่อย เคล็ดลับฉบับเลือกให้ถูกใจคนทำอาหาร ตอนนี้คนที่ชอบเข้าครัวหลายคนน่าจะอยากรู้แล้วว่า เนื้อหมูส่วนไหนทอดอร่อย กรอบ และได้เนื้อตามที่ต้องการ เรียกได้ว่าแค่รู้ว่าส่วนไหนของหมูมีเนื้อสัมผัสยังไง รับรองว่าเมนูอาหารในมื้อนั้นจะเป็นเมนูแสนพิเศษแน่นอน ถึงแม้ว่าจะเป็นเมนูธรรมดา ๆ อย่างเมนูทอด ต้ม ย่าง หรือแกง งั้นเราตามไปดูกันเลยว่าส่วนไหนบ้างของหมูที่ทอดออกมาแล้วอร่อย! สันนอกหมู เป็นเนื้อหมูส่วนที่มีไขมันน้อย เนื้อแน่นและนุ่ม แต่ความนุ่มอาจจะนุ่มน้อยกว่าสันในหมู และถ้าขึ้นชื่อเรื่องความแน่นของเนื้อ เรียกได้ว่า “สันนอกหมู” เป็นส่วนยอดฮิตของเนื้อหมูที่หลายคนเลือกมาทำอาหาร นอกจากนี้ สันนอกหมู ยังเหมาะกับการทำเมนูทอดอย่าง หมูทอดกระเทียม เมนูง่าย ๆ ที่ไม่ว่าใครก็สามารถทำได้เองที่บ้าน หรือจะยกระดับให้เป็นอาหารจานหรูด้วยเมนู ข้าวหมูทอดทงคัตสึซอสแกงกะหรี่ก็ยังได้ รับรองว่าได้เนื้อที่ทั้งแน่นและนุ่มในเวลาเดียวกัน สันคอหมู อยากได้เนื้อหมูที่มีความหนึบ นุ่ม และฉ่ำน้ำ  ต้องนึกถึง “สันคอหมู” ส่วนที่มีมันแทรกอยู่ในเนื้อหมูเล็กน้อย ทำให้สันคอหมูมีความนุ่ม ได้รับความนิยมจากร้านอาหาร และคนที่ชอบทำอาหารทานเองที่บ้าน ด้วยเนื้อสัมผัสของสันคอหมูที่เด่นในเรื่องของความนุ่ม และความหวานจากไขมันที่แทรกตามเนื้อ ทำให้สันคอหมูสามารถนำไปทำอาหารได้หลายเมนู ไม่ว่าจะย่าง ต้ม ผัด หรือทอด เรียกได้ว่าทำได้แน่นอน โดยไม่ต้องกังวลว่าเนื้อจะแข็ง หรือแห้งจนเกินไป ยกตัวอย่างเมนูที่เหมาะกับสันคอหมู คือ หมูทอดน้ำปลา  เมนูนี้เป็นเมนูที่ไม่ว่าใครก็สามารถทำตามได้ง่าย ๆ แถมยังหาซื้อวัตถุดิบได้ตามตลาด และซุปเปอร์มาร์เก็ตได้อีก บอกได้เลยว่าเมนูธรรมดาแบบนี้ ก็ทำให้ได้เนื้อสัมผัส และรสชาติของสันคอหมูที่ทั้งนุ่ม และอร่อยด้วยงบที่มีอยู่อย่างจำกัด นี่อาจจะเป็นเมนูธรรมดาที่สร้างความพิเศษของใครหลายคนก็ได้ หมูสามชั้น ขึ้นชื่อเรื่องเนื้อที่ติดมันและไขมันเยอะต้อง “หมูสามชั้น” เป็นส่วนที่มาจากเนื้อบริเวณหน้าท้องของหมูที่มีจุดเด่นในเรื่องของการสลับชั้นเนื้อหมูทั้ง 3 ชั้น คือ ชั้นหนัง ไขมัน และเนื้อแดง ซึ่งเป็นที่มาของชื่อหมูสามชั้นที่คนส่วนใหญ่รู้จัก และมีรสชาติที่หลากหลายในชิ้นเดียวเวลาที่ทาน เรียกได้ว่าเนื้อหมูสามชั้น เหมาะกับหลายเมนูตั้งแต่การทอดกรอบ  ไปจนถึงเมนูที่ต้องต้ม และตุ๋นเนื้อให้ละลายในปากอย่างเมนูประเภทชาบู หมูกระทะ บอกได้เลยว่าเหมาะมาก แต่ถ้าเป็นเมนูประเภททอด เราขอแนะนำ หมูสามชั้นทอดกรอบ เมนูง่าย ๆ ของหลายบ้านที่ทำไม่กี่ขั้นตอนก็ได้รสชาติที่เข้มข้น และอร่อยโดนใจด้วยความเค็มของน้ำปลา และความหอมของกระเทียม ทำให้หมูสามชั้นเข้ากันได้ดีกับทุกองค์ประกอบในเมนูจานนี้ แถมยังได้เนื้อสัมผัสที่กรอบ และมีความมันกำลังดี ถ้าถามว่าเนื้อหมูส่วนไหนทอดอร่อย ลองเลือกหมูสามชั้นมาทำอาหารดู แล้วเราจะได้เมนูสุดพิเศษจากเนื้อหมูส่วนนี้แน่นอน สะโพกหมู ถึงแม้ “สะโพกหมู” จะไม่ใช่ตัวเลือกแรกของเมนูทอด แต่ก็มีความโดดเด่นเรื่องเนื้อสัมผัสที่มีความแน่น และเห็นได้อย่างชัดเจน เรียกได้ว่าความพิเศษอย่างหนึ่งของสะโพกหมู คือ ขั้นตอนการทำ ถ้าทำอาหารวิธีด้วยการต้ม และตุ๋นโดยใช้เวลาไม่กี่นาที จะทำให้ได้เนื้อสัมผัสของสะโพกหมูที่เหนียว และแข็ง แต่ถ้าอยากได้เนื้อที่นุ่ม และเปื่อย ได้ที่กำลังดีก่อนจะนำไปทอด อาจจะต้องอดทนรอ เพราะการที่ทำให้สะโพกหมูนุ่ม เปื่อยได้ตามความต้องการนั้น ต้องต้มและตุ๋นประมาณ 3 – 4 ชั่วโมงก่อนทอด บอกได้เลยว่านี่คือเทคนิคพิเศษที่ทำให้สะโพกหมูสามารถทำเมนูทอดอย่าง ขาหมูทอด ได้แบบที่ไม่ต้องกังวลว่าจะได้เนื้อที่เหนียวแน่นอน แต่จะได้สะโพกหมูที่หนังมีความกรอบ และเนื้อข้างในมีความนุ่มมาแทน เทคนิคเลือกและหมักเนื้อหมูทอด สายเข้าครัวต้องรู้ ใครที่พึ่งเข้าวงการทำอาหารครั้งแรกและไม่รู้จะเริ่มต้นยังไงดี บอกเลยว่าต้องแวะเข้ามาอ่านบทความนี้ด่วน หลังจากที่รู้แล้วว่าเนื้อหมูส่วนไหนเหมาะกับการทอดไปแล้ว พาร์ทนี้เราจะพามาถอดเทคนิคลับ การเลือกซื้อหมู และหมักเนื้อหมูว่าต้องทำยังไงถึงจะอร่อย อ่านแล้วสามารถทำตามกันได้ง่าย ๆ แบบไม่เสียดายวัตถุดิบที่ซื้อมาอย่างแน่นอน วิธีเลือกเนื้อหมูทอดยังไงให้อร่อย และโดนใจคนกิน! การทำอาหารให้จานออกมาดูดี และอร่อย ไม่ได้ให้ความสำคัญตรงที่คนทำ หรือสูตรอาหารที่ใช้เท่านั้น แต่เทคนิคเลือกซื้อเนื้อหมูก็สำคัญไม่ต่างกัน แล้วจะเกิดอะไรขึ้นถ้าเราเลือกซื้อเนื้อหมูไม่ได้คุณภาพไปทำอาหาร นอกจากจะได้จานอาหารที่ไม่ดีแล้ว เราต้องเสียค่าใช้จ่ายให้กับโรงพยาบาลอีก ถ้าเหตุมาจากการเลือกวัตถุดิบที่ไม่สะอาด และไม่ได้คุณภาพตามที่คิดไว้ การรู้เทคนิคเลือกซื้อเนื้อหมูไว้ก่อนถือว่าเป็นเรื่องที่ดีสำหรับคนที่ชอบเข้าครัว แล้วต้องเลือกยังไง สามารถทำตามได้ง่าย ๆ ด้วย 4 ขั้นตอนนี้เลย! สังเกตดูที่สีของเนื้อหมู: การเลือกเนื้อหมูที่ดี ควรมีสีชมพูอ่อน ไม่ซีดและมีสีแดงจัดจนเกินไป (การที่เนื้อหมูมีสีแดงสดมากเกินไป อาจจะเดาได้ว่าเนื้อหมูชิ้นนั้นน่าจะมีสารเร่งเนื้อให้แดงเร็วขึ้น) นอกจากเรื่องสีของเนื้อหมู ควรสังเกตไขมันของเนื้อว่าต้องมีสีขาวสะอาด ไม่เหลืองหรือขุ่น รวมทั้งควรเลี่ยงการซื้อเนื้อหมูที่มีสีเขียว คล้ำ หรือมีรอยเลือด เนื้อสัมผัส: เนื้อหมูที่ดีควรมีเนื้อสัมผัสที่นุ่ม และเด้งตัวกลับทันที ไม่มีรอยบุ๋มทิ้งไว้ เมื่อใช้นิ้วกดลงไปที่เนื้อ ถ้าใช้นิ้วกดลงไปแล้ว ยังมีรอยทิ้งไว้อยู่ นั่นหมายความว่าคือ เนื้อหมูเก่า ไม่สดใหม่ กลิ่น: เรื่องกลิ่นของเนื้อหมู เป็นเรื่องที่สังเกตได้เร็วมากที่สุด แค่ได้กลิ่นเราก็รู้ได้ทันทีว่าเนื้อหมูตรงหน้าเป็นเนื้อใหม่ หรือเนื้อเก่า กลิ่นของเนื้อหมูที่สดใหม่ ต้องไม่มีกลิ่นคาวที่เหม็นหืน หรือรุนแรง ไม่มีสิ่งแปลกปลอมติดอยู่ในเนื้อหมู: ขั้นตอนสุดท้าย คือ การสังเกตว่าในเนื้อหมูต้องไม่มีเม็ดสีขาว เหมือนกับเม็ดสาคู หรือเรียกง่าย ๆ ว่าพวกสิ่งแปลกปลอมติดอยู่ในเนื้อ เพราะสิ่งที่ติดอยู่ในเนื้อหมูอาจจะเป็นตัวอ่อนของพยาธิ ที่มาของเชื้อโรคที่เป็นพิษต่อร่างกาย เคล็ดลับหมักหมูทอด กินแล้วต้องติดใจทั้งบ้าน อยากกินหมูทอดแต่ไม่รู้จะใช้สูตรไหนหมักเนื้อหมูดี เลือกสูตรไหนมาทำก็ไม่เคยได้เนื้อหมูที่ออกมานุ่ม และกรอบอย่างที่ต้องการเลย งั้นเดี๋ยววันนี้หมูอินเตอร์จะพาสายเข้าครัวมาตะลุยสูตรการหมักเนื้อหมูทอดให้นุ่ม และอร่อยออกมาแบบที่คิดไว้ ขอบอกไว้ก่อนว่าสูตรหมักหมูทอดวังหลังที่มาแชร์ให้นั้นมาจาก “ช่องพี่ขวดพาเที่ยว”  จะอร่อยแค่ไหน ไปดูกัน! วัตถุดิบหมักหมูทอดวังหลังให้นุ่ม สะโพกหมู แป้งข้าวโพด สามเกลอ (รากผักชี / กระเทียม / พริกไทย) ลูกผักชี เบกกิ้งโซดา เกลือป่น ขั้นตอนการทอดหมูให้อร่อย ตำรากผักชี กระเทียม และพริกไทย (สามเกลอ) ให้ละเอียด หลังจากนั้นนำลูกผักชีไปคั่วให้พอแตก และมีกลิ่นหอมเล็กน้อย พอลูกผักชีมีกลิ่นหอมออกมาแล้วเล็กน้อย ให้นำมาตำในครกให้พอแตก ไม่ต้องตำจนละเอียดมาก ก่อนจะละลายเบกกิ้งโซดาและเทใส่ถ้วยสะโพกหมูที่เตรียมไว้ จากนั้นตามด้วยสามเกลอ ลูกผักชี และแป้งข้าวโพด 1 ช้อนโต๊ะ ที่เตรียมไว้เทลงในถ้วย ก่อนจะผสมให้เข้ากัน และพักทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที จากนั้นนำหมูที่หมักทิ้งไว้จนได้ที่มาลงทอดในกระทะ เพียงเท่านี้ก็เป็นอันเสร็จ ทริคเล็ก ๆ แนะนำว่าควรเตรียมเครื่องเคียงไม่ว่าจะเป็นผักลวก น้ำพริก หรือซอสมาไว้จะทำให้ได้จานอาหารที่อร่อยขึ้น เมนูหมูทอดยอดฮิตตลอดกาลของสายทำอาหารไม่ว่าใครก็รู้จัก มาถึงตรงนี้ ถ้าพูดถึงเมนูหมูทอดยอดฮิตของหลายคนที่จำได้ไม่ลืม และกินอยู่แทบจะทุกวันคงเป็นอะไรไปไม่ได้ นอกจากเมนูธรรมดา ๆ ที่เต็มไปด้วยความพิเศษหลายอย่างอยู่ในจานธรรมดาจานนี้ จนหลายคนคาดไม่ถึงแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นเมนูหมูทอดกระเทียมพริกไทย หมูทอดน้ำปลา หรือหมูสามชั้นทอดกรอบ ก็สามารถเปลี่ยนจากวัตถุดิบ และเครื่องปรุงธรรมดาที่ใช้กันทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นเครื่องเทศ (กระเทียม / พริกไทย) เครื่องปรุงอย่าง น้ำปลา ในเมนูหมูทอดน้ำปลา หรือวัตถุดิบอย่าง “หมูสามชั้น” ที่สร้างลูกเล่นและความซับซ้อนในการกินให้กับลูกค้าหรือคนในครอบครัว เรียกได้ว่าทั้ง 3 เมนูหมูทอดที่ยกตัวอย่างมานั้นเป็นการพิสูจน์อย่างหนึ่งที่บอกว่า “อาหารที่อร่อย ไม่จำเป็นต้องใช้วัตถุดิบราคาแพง” เพราะสุดท้ายอาหารแต่ละจาน จะมาจากความสุขและความทุ่มเทที่คนทำต้องการสื่อออกมาผ่านจานอาหารตรงหน้า บทสรุป: เนื้อหมูส่วนไหนทอดอร่อย เคล็ดลับที่ต้องรู้ และแล้วก็เดินทางมาถึงพาร์ทสุดท้าย บอกได้เลยว่าเราแอบเผยเคล็ดลับหลายอย่างเกี่ยวกับทริคในการเลือกเนื้อหมูว่าส่วนไหนทอดออกมาแล้วอร่อย แถมยังบอกว่าเนื้อหมูแบบไหนเหมาะกับเมนูอะไรบ้าง มาแชร์ให้กับทุกคนรู้กันแล้ว ทีนี้เราก็หวังว่าสายเข้าครัวจะเลือกเนื้อหมูมาทำเมนูทอดได้แบบไม่ต้องกังวล ว่าเมนูที่คิดไว้จะออกมาไม่ดี หรือไม่อร่อยอีกต่อไปถึงแม้เนื้อหมูจะมีหลายแบบแต่ก็ให้เนื้อสัมผัสที่ต่างกัน อย่างถ้าอยากได้เนื้อหมูที่นุ่ม แนะนำให้เลือกสันคอหมู แต่ถ้าอยากได้เนื้อแน่น เลือกเนื้อสันนอก และถ้าชอบความกรอบ มันเน้น ๆ เลือกหมูสามชั้น ได้เลย แล้วถ้าใครพึ่งเริ่มต้นเข้าครัว หรือหัดทำอาหารแนะนำให้ตามไปรู้จักส่วนต่าง ๆ ของหมูก่อน เพราะจะเกริ่นให้เรารู้ก่อนว่าจะเลือกเนื้อหมูส่วนไหนมาทำอาหารเมนูได้ไหนบ้าง ทั้งเมนูต้ม ผัด แกง ทอด และย่าง บอกเลยว่าขนทัพความรู้ว่าแบบจัดเต็ม! ใครที่พึ่งเข้าวงการทำอาหารครั้งแรกและไม่รู้จะเริ่มต้นยังไงดี บอกเลยว่าต้องแวะเข้ามาอ่านบทความนี้ด่วน หลังจากที่รู้แล้วว่าเนื้อหมูส่วนไหนเหมาะกับการทอดไปแล้ว พาร์ทนี้เราจะพามาถอดเทคนิคลับ การเลือกซื้อหมู และหมักเนื้อหมูว่าต้องทำยังไงถึงจะอร่อย อ่านแล้วสามารถทำตามกันได้ง่าย ๆ แบบไม่เสียดายวัตถุดิบที่ซื้อมาอย่างแน่นอน

หางหมูทอด เคล็ดลับความฟูเหมือนกินในร้านอาหาร

หางหมูทอดฟูกรอบ เมนูยอดนิยมที่หลายคนชื่นชอบ

พูดถึง “หางหมูทอด” ทำให้นึกถึงครั้งแรกที่ลองทำ เรียกได้เลยว่าเป็นประสบการณ์ที่จำได้ไม่ลืมว่า ภาพในหัวกับสิ่งที่ทำออกมามันต่างกันอย่างบอกไม่ถูก แทนที่จะได้หางหมูทอดหนังกรอบ ฟู กลับได้เนื้อนิ่ม ไม่กรอบ ไม่ฟู มาแทน แถมยังอมน้ำมันมาอีก เหตุการณ์ครั้งนั้น ทำให้ตัดสินใจไปกินหางหมูทอดข้างนอกตามร้านอาหารมากกว่าการลงมือทำเอง หรือเอาง่าย ๆ ว่ากลัวการเข้าครัวไปเลยก็ว่าได้ แต่เดี๋ยวก่อน ใครที่เคยเจอเรื่องแบบเดียวกัน ในบทความนี้เราจะมาแจกสูตรการทำหางหมูกรอบ และทอดให้กรอบฟู เหมือนอยู่ในร้านอาหาร รับรองว่าคุณจะกล้าเข้าครัวทำอาหารแน่นอน แถมยังประหยัดงบในกระเป๋าแทนการออกไปกินข้าวข้างนอกได้อีกด้วย! สูตร หางหมูทอด กรอบฟูเหมือนร้านอาหาร หางหมูทอด เมนูทานเล่นที่ไม่ว่าจะเมนูหางหมูกรอบ ซอสพริกฉบับคนธรรมดา หรือหางหมูทอดกรอบ กินคู่กับน้ำจิ้มซีฟู้ด น้ำจิ้มแจ่ว และข้าวสวยร้อนๆ เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งเมนูที่อร่อยลงตัวในเวลาเดียวกัน สำหรับใครที่ยังไม่รู้จักว่าวัตถุดิบที่หลายคนมองข้ามอย่างหางหมู คืออะไร นำไปทำเมนูอะไรได้บ้าง ลองเข้าไปอ่านและเข้าความรู้จักวัตถุดิบธรรมดานี้ก่อนว่าสามารถทำอะไรเมนูอะไรได้บ้าง ที่บางครั้งอาจจะช่วยสร้างรายได้ และเพิ่มมูลค่าให้กับเราได้ เผื่อในอนาคตใครอยากต่อยอดเป็นธุรกิจร้านอาหาร ตามไปดูสูตรทอดหางหมูพร้อมกับน้ำจิ้มหางหมูทอดกรอบรสเด็ดนี้กัน! วัตถุดิบหางหมูทอด ที่ต้องเตรียม หางหมู 4-5 หาง เกลือป่น น้ำส้มสายชู น้ำมันพืช ผงชูรส วิธีการทอด หางหมูทอด ให้อร่อย เตรียมหางหมูมาประมาณ 4-5 หาง ก่อนจะนำมาทำความสะอาด และขูดสิ่งสกปรกออกให้หมด จากนั้นล้างหางหมูด้วยเกลือประมาณ 2 กำมือ และล้างออกด้วยน้ำสะอาด เพื่อลดกลิ่นคาว และเมือกของหางหมู นำหางหมูที่ล้างด้วยน้ำสะอาดเรียบร้อยแล้ว มาต้มด้วยประมาณ 20 นาที พร้อมกับใช้ส้อมจิ้มดูความสุกของหางหมู ก่อนจะตักขึ้นมาวางพักไว้ให้เย็น ใช้ส้อมจิ้มลงบนหางหมูให้ทั่ว ตรงนี้จะเป็นทริคสำคัญที่ช่วยให้เวลาทอดหางหมูกรอบ และฟูขึ้น นำเกลือมาทาให้ทั่วหางหมูประมาณ 1 กำมือ ก่อนจะเทผงชูรสพอประมาณตามใจชอบ เพื่อเพิ่มรสชาติให้กับหางหมูก่อนลงกระทะทอด เทน้ำส้มสายชูให้ทั่วหางหมูจนกว่าสีของหางหมูจะซีดลง เพื่อช่วยล้างเมือกและคราบน้ำมันที่เกาะอยู่บนหางหมูแถมยังช่วยให้หางหมูกรอบ และฟูมากขึ้นเวลาที่นำไปทอด จากนั้นนำหางหมูมาบั้ง หรือกรีดเป็นแนวขวางห่างประมาณ 1 ซม. และนำไปตากแดดประมาณ 1-2 ชม. ตั้งกระทะด้วยไฟอ่อน และนำหางหมูลงทอดจนสุก ขั้นตอนนี้จะต้องพยายามทำให้น้ำมันทั่วหางหมู นำหางหมูที่ทอดไว้รอบแรกขึ้นพักประมาณ 10-20 นาที ก่อนจะนำลงทอดด้วยไฟกลางและแรง ทอดไปจนกว่าสีขอหางหมูจะเหลืองจนสวย จากนั้นนำมาหั่น จัดจานและเสิร์ฟคู่กับน้ำจิ้มหางหมูทอดรสเด็ดได้เลย น้ำจิ้มกินคู่กับ หางหมูทอด วัตถุดิบและส่วนผสมน้ำจิ้มหางหมูทอดรสเด็ด น้ำส้มสายชูหมัก 5 ช้อนโต๊ะ น้ำตาลทราย 3 ช้อนโต๊ะ ซีอิ๊วดำหวาน 2 ช้อนโต๊ะ เกลือ 1/2  ช้อนชา พริกสับ (จะใส่มากใส่น้อยตามความใจชอบ) วิธีการทำน้ำจิ้มหางหมูทอดรสเด็ด เทน้ำส้มสายชูลงในหม้อที่เตรียมไว้ทั้งหมด  5 ช้อนโต๊ะ ใส่ซีอิ๊วดำหวาน 2 ช้อนโต๊ะและตามด้วยน้ำทรายอีก 3 ช้อนโต๊ะ ก่อนจะใส่เกลือลงอีกครึ่งช้อนชา เคี่ยวส่วนผสมทุกอย่างให้งวดจนละลายเข้ากัน จากนั้นเทน้ำจิ้มลงในถ้วยที่เตรียมไว้ และใส่พริกสับที่เราหั่นไว้ลงไปได้เลย ระดับความเผ็ดขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละคน จากนั้นก็พร้อมเสิร์ฟ Tips หางหมูทอด ไม่อมน้ำมัน ฉบับคนเข้าครัว ล้างหางหมูด้วยน้ำเกลือ หรือน้ำส้มสายชู จะช่วยลดกลิ่นคาวของหางหมูได้ ต้มหางหมูก่อนนำมาทอด ทริคนี้จะทำให้เวลาทอดหางหมูจะฟูมากขึ้น แนะนำให้ “บั้งหางหมู” ด้วยการกรีดเป็นร่องเล็ก ๆ เวลาทอดจะทำให้น้ำมันเข้าในเนื้อได้เยอะ และทำให้กรอบทั่วทั้งชั้น ตากหางหมูให้แห้งก่อนนำมาทอด จะช่วยให้เนื้อไม่อมน้ำมันเวลาทอด อยากทอดให้กรอบ และฟู ต้องทอดทั้งหมด 2 รอบ รอบแรกใช้ไฟอ่อน (จะทำให้สุกทั่วทั้งชิ้น) รอบที่สองใช้ไฟแรง เพื่อให้หางหมูเหลืองและกรอบฟู ใช้น้ำมันใหม่ในการทอดทุกครั้ง เพราะจะทำให้หางหมูออกมามีสีสวย และไม่มีกลิ่นเหม็น เวลาทอด ถ้าอยากให้เมนูหางหมูทอด หอมและอร่อยมากขึ้น ลองโรยงาขาวหลังทอดใหม่ ๆ  ทริคนี้จะช่วยเพิ่มความหอม และเนื้อสัมผัสที่กรุบกรอบของเมนูได้ด้วย Q&A หางหมูทอด ทอดยังไงให้ฟูฉบับคนที่ไม่อยากออกบ้าน หลังจากรู้วิธีการทำหางหมูทอด พร้อมกับน้ำจิ้มรสเด็ดแล้ว หลายคนอาจจะยังสงสัยว่า แล้วต้องทำยังไงให้หางหมู กรอบ ฟูหอมและอร่อยเหมือนกับร้านอาหาร แบบที่เราไม่ต้องเสียเวลาขับรถออกไปกินข้างนอก วันนี้หมูอินเตอร์รวม 7 คำถามยอดฮิตเกี่ยวกับ “หางหมูทอดยังไงให้กรอบฟูและอร่อย” พร้อมกับคำตอบมาบอก ตามมาเลย! Q: ทอดหางหมูยังไงให้หนังกรอบฟู A: เคล็ดลับง่าย  ๆ เริ่มจากการเอาหางหมูไปต้มประมาณ 20 นาที หลังจากนั้นใช้ส้อมจิ้มให้ทั่วหางหมู พร้อมบั้งหางหมูเป็นร่องเล็ก ๆ และเอาไปตากแดดประมาณ 1-2 ชั่วโมง ก่อนจะทอดทั้งหมด 2 รอบ (รอบแรกใช้ไฟอ่อน รอบสองใช้ไฟแรง) แค่นี้ก็จะทำให้ได้หางหมูทอดที่กรอบ ฟู และอร่อยแล้ว Q: จำเป็นต้องต้ม และหมักหางหมูก่อนทอดไหม A: จำเป็นทั้งสองอย่าง เพราะการต้มหางหมูในน้ำเดือด จะช่วยลดกลิ่นคาวของหางหมูได้ ก่อนจะนำมาบั้ง พร้อมกับหมักด้วยเกลือ และน้ำส้มสายชูเล็กน้อย บอกว่าเลยตรงนี้คือทริคสำคัญที่ทำให้หางหมูทอด กรอบ ฟู และไม่อมน้ำมัน   Q: ถ้าไม่มีแดดให้ตากหางหมู ต้องทำยังไงให้กรอบ และฟู A: จะใช้พัดลม หรือเตาอบลมร้อนก็ได้ เพราะเราจะทำให้หางหมูแห้งพอประมาณก่อนจะทอด วิธีนี้จะช่วยให้หางหมูไม่อมน้ำมัน แถมยังกรอบและฟูด้วย Q: หางหมูทอดต้องใช้น้ำมันแบบไหน ถึงจะทอดออกมาสวย กรอบฟู ไม่เหม็นหืน A: แนะนำให้ใช้น้ำมันใหม่ เช่น น้ำมันปาล์ม หรือน้ำมันถั่วเหลือง เพราะน้ำมันใหม่จะทนต่อความร้อนได้ดี ทำให้หางหมูทอดออกมาสีสวย กรอบฟู และไม่เหม็นหืน ควรเลี่ยงการใช้น้ำมันซ้ำ หรือน้ำมันเก่า เพราะจะทำให้หางหมูมีสีคล้ำ และไม่กรอบ Q: หางหมูอบหม้อลมร้อน สามารถทำได้ไหมถ้าไม่อยากใช้น้ำมัน A: ทำได้ เพราะวิธีที่เอาหางหมูอบหม้อลมร้อน จะช่วยให้หางหมูอมน้ำมันน้อยกว่าการทอดในกระทะ แถมยังได้เนื้อสัมผัสที่กรอบเหมือนกับกำลังกินหางหมูทอดกรอบไร้น้ำมัน เมนูเหมาะกับสายรักสุขภาพแน่นอน   Q: หางหมูทอดสามารถทำเมนูอื่นอีกได้ไหม A: ทำได้หลายเมนู! ไม่ว่าจะนำไปคลุกกับเมนูผัดกะเพรา หรือจะเอาไปเป็นเครื่องเคียงของทอดกินคู่กับเมนูอย่างต้มยำก็ยังได้ ได้ทั้งความอร่อยที่กรอบ และฟูในเวลาเดียวกัน รับรองว่าได้เมนูใหม่ที่ไม่ซ้ำเดิม ไม่จำเจแน่นอน Q: หางหมูทอดกินคู่กับอะไรอร่อยที่สุด A: หางหมูทอดกินคู่กับน้ำจิ้มซีฟู้ดรสเด็ด น้ำจิ้มแจ่ว หรือซอสพริกก็อร่อยลงตัว ยิ่งเสิร์ฟพร้อมกับข้าวสวยร้อน ๆ จะทำให้หางหมูทอดที่ทั้งกรอบและฟู มีรสชาติอร่อยและกลมกล่อมเหมือนกินในร้านอาหารแน่นอน บอกเลยว่า เมนูหางหมูทอดไม่ได้มีดีที่ความอร่อยเท่านั้น แค่รู้วิธีการทำหางหมูที่ถูกต้อง รับรองว่าคุณจะมองเมนูนี้เปลี่ยนไป และกล้าเข้าครัวทำอาหารแน่นอน เพราะในบทความนี้เราได้บอกทั้งวิธีการทอดหางหมูให้กรอบ และวิธีทำน้ำจิ้มรสเด็ด แถมยังได้ทริคดี ๆ การทอดหางหมูให้กรอบฟู โดยไม่ต้องเสียเวลาออกไปข้างนอก ลองทำตามรับรองว่าสายทำอาหารที่บ้านแบบเรา ๆ นั้นก็ยกร้านอาหารมาไว้ที่บ้านได้ แล้วถ้าอยากเปลี่ยนจากหางหมูทอดเป็น หางหมูย่าง ล่ะ? จะใช้สูตรไหนหมักให้อร่อยและถูกใจคนในบ้าน ตามไปอ่านสูตรหมักหางหมูย่างได้ในบทความต่อ ๆ ไปได้เลย ได้ทั้งความรู้ และวิธีการทำที่ขนทัพการทำอาหารมาเพียบ!

คากิ vs ขาหมู ต่างกันยังไง มือใหม่เข้าครัวต้องรู้

คากิ vs ขาหมู ต่างกันยังไง บทความอธิบายความแตกต่างเมนูหมูตุ๋นยอดนิยม

“คากิ” และ “ขาหมู” หลายคนชอบสับสนว่า คือ ส่วนเดียวกัน ต่างกันแค่ชื่อเรียกจะเรียกแบบไหนก็ได้ แต่ความจริงแล้วมาจากคนละส่วนของหมู ทำให้มีเนื้อสัมผัส  ความมันของเนื้อหมูแตกต่างกัน  ถ้าเลือกวัตถุดิบผิด อาจจะทำให้เมนูที่คิดไว้ไม่อร่อยได้ ในบทความนี้หมูอินเตอร์ได้รวบรวมมาให้หมดแล้วว่า วัตถุดิบทั้งสองอย่างนี้ คืออะไร ต่างกันยังไง เหมาะกับเมนูแบบไหน และมีเคล็ดลับการเลือกหมูยังไงให้ได้เนื้อดี ไม่เละ ใครที่กำลังจะเข้าครัว ทำเมนูคากิพะโล้ คากิหมูตุ๋น คากิหมูทอด ลองอ่านบทความนี้ก่อน จะได้ไม่พลาดเมนูแสนอร่อยจากวัตถุดิบนี้! คากิ คืออะไร? ทำไมถึงเป็นส่วนที่คนรักเมนูขาหมูต้องสั่ง คากิ มาจากภาษาจีนแต้จิ๋วที่เรียกว่า “ตือคากิ” หรือรู้จักกันในชื่อของ “ตีนหมู”  เป็นส่วนของขาหมูตั้งแต่ข้อเท้าไปจนถึงปลายเท้าของหมู ซึ่งส่วนใหญ่จะเน้นไปที่เอ็น หนัง และกระดูกของขาหมู รวมถึงไขมันด้วย บางครั้งอาจจะมีเนื้อหมูเล็กน้อย หรือแทบไม่มีเลย แต่กลับมีจุดเด่นในเรื่องเนื้อสัมผัสที่มีความนุ่ม เหนียว ละลายในปาก รวมทั้งได้รสชาติที่เข้มข้นจากการต้ม หรือตุ๋นเป็นเวลานาน ไม่ว่าจะเป็นเมนูยอดฮิตอย่างข้าวขาหมู คากิพะโล้ หรือคากิตุ๋น ก็อร่อยได้ไม่แพ้กัน แนะนำว่าถ้าใครอยากได้รสชาติที่กลมกล่อม และเข้มข้นให้ตุ๋นด้วยสมุนไพร และเครื่องเทศ จะได้รสชาติที่อร่อยจนวางช้อนไม่ลง ขาหมู คืออะไร? วัตถุดิบยอดฮิตของใครหลายคน ขาหมู คือ ส่วนหนึ่งของขาหน้า และขาหลังของหมูตั้งแต่ต้นขาไปจนถึงข้อเท้าของหมู มีเนื้อแดง ไขมัน เอ็น และหนังรวมอยู่ในชิ้นเดียวกัน ทำให้ขาหมูมีเนื้อสัมผัสที่หลากหลาย ได้ทั้งความนุ่ม แน่น และหนึบ แถมยังเคี้ยวได้เต็มคำ เหมาะกับการต้ม ตุ๋น และเคี่ยวจะใช้เวลาค่อนข้างนาน เพราะจะช่วยให้เนื้อเปื่อยนุ่มได้ตามต้องการ ยิ่งต้มกับสมุนไพร หรือเครื่องเทศที่ให้กลิ่นหอมแบบไทย และจีน ก็จะดึงรสชาติของเนื้อขาหมูออกมาได้เยอะขึ้น อย่างเมนูยอดนิยม ขาหมูพะโล้ ขาหมูเยอรมัน ใครที่ชอบรสชาติกลมกล่อม เค็ม มัน หวาน ครบทุกรส รับรองว่าขาหมูตอบโจทย์ความอร่อยอย่างแน่นอน คากิ vs ขาหมู เลือกไม่ถูก ต่างกันยังไง? ไปตลาดก็หลายครั้ง เข้าซุปเปอร์มาร์เก็ตก็บ่อยอยู่ แต่ทำไมชอบยืนงงในดงเนื้อหมู เลือกไม่ถูกว่าต้องซื้อคากิ หรือ ขาหมู กันแน่ บางครั้งซื้อไปเพราะเข้าใจว่าทั้งสองอย่างนี้มาจากส่วนเดียวกัน “มันก็คือขาหมูเหมือนกัน  จะใช้ส่วนไหนก็ได้” หลายคนคงคิดแบบนี้ ทำให้เจอปัญหาตอนทำอาหารว่าทำไมทำถึงไม่ได้รสชาติตามที่ต้องการ ถ้าตอนนี้ใครที่กำลังเลือกวัตถุดิบมาทำอาหาร ลองดูตารางเปรียบเทียบนี้ดูก่อนซื้อได้เลย! ตารางเปรียบเทียบ คากิ vs ขาหมู ความแตกต่างที่ไม่เหมือนใคร! หัวข้อเปรียบเทียบ คากิ 🐖 ขาหมู 🐖 ตำแหน่ง ส่วนปลายขา: ตั้งแต่ข้อเท้าจนถึงปลายเท้าของหมู ส่วนต้นขาไปจนถึงข้อเท้าของหมู ลักษณะของเนื้อ เน้นเอ็น หนัง กระดูก และไขมันเล็กน้อย (แทบจะไม่มีเนื้อแดง) มีเนื้อแดงค่อนข้างเยอะ แถมยังมีไขมัน เอ็น และหนัง ในปริมาณกำลังดี เนื้อสัมผัส เนื้อหนึบ นุ่ม เคี้ยวเพลิน เนื้อแน่น เต็มคำจากเนื้อแดง และเคี้ยวเพลิน วิธีปรุง ตุ๋น/ต้ม ให้เนื้อเปื่อย และนุ่ม ตุ๋น/ต้ม ให้เนื้อเปื่อย และนุ่ม ราคา ราคาถูกกว่า มีขนาดเล็ก ใช้ทำงานง่าย ราคาสูงตามขนาดและปริมาณของเนื้อขาหมู เมนูยอดนิยม คากิพะโล้, คากิตุ๋น, คากิทอด ข้าวขาหมู, ขาหมูเยอรมัน, ขาหมูพะโล้ เคล็ดลับฉบับหมูหมู เลือกคากิยังไงให้อร่อยทุกเมนู เริ่มต้นดี มีชัยไปกว่าครึ่ง การเลือกคากิเรียกได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญของการทำเมนูอร่อยในแต่ละมื้อ ไม่ว่าจะเป็นข้าวขาหมู หรือคากิพะโล้รสเด็ดก็อร่อยได้ เพียงเริ่มจากเลือกวัตถุดิบที่ดี มีคุณภาพ รับรองว่าได้รสชาติ และเนื้อสัมผัสที่ดีอย่างแน่นอน ถ้าอยากรู้ว่าเคล็ดลับการเลือกซื้อคากิหมูง่าย ๆ เป็นยังไงนั้น ตามไปดูกัน! คากิ & ขาหมู วิธีการเลือกแบบทั่วไป ทริคง่าย ๆ ที่ทุกคนควรรู้ ก่อนจะพาทุกคนไปตะลุยเคล็ดลับการเลือกซื้อคากิหมูกันนั้น เราขอแนะนำทริคง่าย ๆ ในการเลือกเนื้อหมูก่อนซื้อว่าควรเลือกยังไง ดูจากตรงไหน เราถึงจะได้วัตถุดิบที่มีคุณภาพไปทำอาหารให้ออกมาดี และอร่อยที่สุด เป็นทริคง่าย ๆ เพียงไม่กี่ข้อที่ไม่ว่าใครก็จำได้ รับรองว่าไม่ต้องเดินวนซ้ำไปซ้ำมา ไม่ยืนงงอยู่ในดงหมูแน่นอน! สีของเนื้อหมู  ต้องมีสีออกชมพูอ่อน ๆ ไม่มีสีแดงเข้ม และคล้ำมากจนเกินไป กดดูความแน่นของเนื้อหมู เนื้อหมูที่มีความสดใหม่จะเรียกได้ว่ามีความแน่น และยืดหยุ่นได้ดี เวลาที่เรากดลงบนเนื้อแล้วเนื้อหมูจะต้องเด้งกลับขึ้นมาทันที ไม่รอย และค้างจนเห็นรอยนิ้วมือ กลิ่นของเนื้อหมู เนื้อหมูที่ดีต้องไม่มีกลิ่นเหม็นเน่า ซึ่งตรงนี้เป็นสิ่งสำคัญที่เวลาเราไปซื้อของที่ตลาด หรือซุปเปอร์มาร์เก็ต ถ้าเราได้กลิ่นเนื้อหมูที่มีกลิ่นเหม็น เราก็คงไม่เลือกซื้อ และเดินออกจากร้าน หรือโซนนั้นไปแบบไม่ต้องคิดเลยด้วยซ้ำ ผิวของเนื้อหมู นอกจากสีของเนื้อหมูที่สำคัญแล้ว ผิวของเนื้อหมูก็สำคัญไม่แพ้กัน ผิวหนังของหมูที่ดี ต้องสะอาด ไม่มีรอยช้ำ หรือคล้ำของเลือด รวมทั้งไม่มีเหมือก และขนติดอยู่ที่ผิวของเนื้อหมู พาลัดเลาะ ตะลุยทริควิธีเลือก “คากิ” วัตถุดิบที่หลายคนเลือกใช้ ตอนนี้ทุกคนพอจะรู้วิธีการเลือกเนื้อหมูแบบทั่วไปกันแล้ว ถือว่า งั้นคราวนี้เรามาจะพาทุกคนมาลัดเลาะ ตะลุยทริควิธีเลือก “คากิ” วัตถุดิบโปรดของหลายคนที่ซื้อมาทำอาหารกัน ว่าควรเลือกยังไงดี ให้ได้คากิที่เนื้อแน่น สะอาด และทำอาหารอร่อยด้วย 4 วิธีง่าย ๆ ตามไปดูกัน! เลือกคากิยังไง ให้ได้ของอร่อยแค่ดูด้วยตาเปล่า วิธีการเลือกคากิต้องเลือกคากิหมูชิ้นที่เนื้อแน่น มีเนื้อและหนังที่หุ้มกระดูกเยอะ หรือบางครั้งอาจจะบอกไปว่าต้องการคากิหมูส่วนไหน ขาหมูส่วนหน้า หรือ ขาหมูส่วนหลัง แบบนี้จะทำให้ดีกว่าคากิหมูที่มีเนื้อและหนังน้อย เพราะเวลานำไปต้ม หรือตุ๋นการที่เนื้อคากิหมูแน่น จะทำให้ดูน่ากิน และดึงดูดคนทานมากกว่า นอกจากการเลือกด้วยตาเปล่าแล้ว การบอกพ่อค้าแม่ค้า หรือร้านขายเนื้อสัตว์ก็เป็นเรื่องที่สำคัญอีกอย่างหนึ่ง สำหรับมือใหม่เข้าครัว หรือพ่อแม่ค้าที่มีเวลาอย่างจำกัดในเวลาที่ทำอาหาร  แนะนำว่าให้บอกร้านว่าต้องการให้สับ และตัดเล็บของคากิหมูให้ด้วย แบบนี้จะทำให้สะดวกขึ้น รวมทั้งลดเวลาทำอาหารในแต่ละวันได้อีกด้วย   ดูจากสีและผิวของคากิ สีของคากิส่วนใหญ่มักจะมีสีชมพูอ่อน หรือสีอมขาว ไม่หมอง ไม่แดง และไม่คล้ำจนเกินไป ส่วนเรื่องของผิวหนังต้องสะอาด ไม่มีขนหมู รอยช้ำ และรอยเลือดติดอยู่ เพราะถ้าเลือกคากิที่รอยช้ำ หรือมีรอยเลือดไปนั้นอาจจะทำให้มีกลิ่นคาว และรสชาติที่ไม่ดีเวลาที่ทำอาหารเสร็จเรียบร้อยแล้ว  หลัก ๆ แล้ววิธีการเลือกจะเหมือนกับการเลือกเนื้อหมูทั่วไป   กลิ่นและเนื้อสัมผัสของคากิ วิธีการเลือกคากิว่าสดใหม่หรือไม่นั้น ต้องมีกลิ่นที่ไม่เหม็นเน่า หรือเหม็นเปรี้ยว โดยส่วนมากเนื้อหมูมักจะมีกลิ่นคาวเฉพาะตัวตามธรรมชาติอยู่แล้วเป็นเรื่องธรรมดา แต่ข้อสำคัญของการเลือกคากิ คือ ต้องไม่มีกลิ่นเหม็นมากเกินไป ส่วนในเรื่องของเนื้อสัมผัส จะดูยังไงว่าคากิชิ้นนี้พร้อมใช้ได้ทันที ให้ลองใช้นิ้วกดลงบนเนื้อ และสังเกตดูว่าถ้าเนื้อเด้งกลับขึ้นมาทันทีหลังจากที่กดแล้ว นั่นหมายความว่า คากิชิ้นนี้ พร้อมใช้ทำอาหารได้ทันที แต่ต้องสังเกตพร้อมกับวิธีการเลือกคากิข้ออื่น ๆ ด้วย    เลือกซื้อคากิหมูผ่านร้านค้าที่เราไว้วางใจ หลายคนคิดว่าการเลือกซื้อคากิต้องดูแค่สี กลิ่น เนื้อสัมผัส เท่านั้น แต่ความจริงแล้วหัวใจหลักของคากิ ที่เรามักจะมองข้ามกัน คือ ร้านค้าที่เราเดินเข้าไปซื้อวัตถุดิบมาทำอาหารทุกครั้งก็สำคัญเช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะทั้งเนื้อหมู ไก่ วัว หรือปลา วัตถุดิบทุกอย่าง ควรซื้อจากร้านเนื้อหมูสดที่สะอาด มีคุณภาพ และใส่ใจในทุกขั้นตอน ถ้าใครยังไม่มีร้านขายเนื้อหมูโปรดในใจ ขอแนะนำร้านขายเนื้อหมูติดแอร์อย่าง “หมูอินเตอร์” แค่มาที่เราก็ได้ของครบจบในที่เดียวแน่นอน ไม่ต้องกังวลว่าจะได้ของไม่ครบ อ่านมาถึงตรงนี้ คงจะตอบความสงสัยของใครหลายคนได้แล้วบ้างว่าระหว่างคากิ และขาหมูแตกต่างกันยังไง แต่ละส่วนใช้ทำเมนูไหนได้บ้าง เรารวบรวมไว้ให้หมดแล้ว แม้คากิและขาหมู จะมาจากส่วนของหมูที่ต่างกันแต่สิ่งที่เหมือนกันอย่างหนึ่ง คือ เรื่องรสชาติและเนื้อสัมผัส ไม่ว่าเราจะใช้วัตถุดิบส่วนไหนทั้งคากิ หรือขาหมู ก็จะให้เนื้อสัมผัสที่นุ่ม แน่น อร่อยเต็มคำ แถมยังได้รสชาติที่เข้มข้นจากการตุ๋นด้วยเครื่องเทศ และสมุนไพรแน่นอน   รู้จักความแตกต่างของคากิและขาหมูกันแล้ว งั้นในบทความต่อไปเราจะพาทุกคนตะลุยกันต่อว่า คากิหมูจะทำเมนูรักสุขภาพอะไรได้บ้าง  มาดูว่าจะเป็นเมนูที่ใช่ เมนูโปรดของใครหลายคนไหม สายรักสุขภาพ ห้ามพลาดเมนูแสนอร่อยอย่างคากิเด็ดขาด!

หางหมูยาจีน สูตรโบราณ เมนูรักสุขภาพ ทำเองง่าย ๆ ได้ที่บ้าน

หางหมูยาจีน สูตรเด็ดความอร่อยสำหรับคนรักสุขภาพ

หางหมูยาจีน เมนูยอดฮิตของสายรักสุขภาพที่มีต้นตำรับมาจากสมัยจีนโบราณ บางคนอาจยังไม่รู้จักเมนูนี้ ที่ได้ฉายาว่าเป็นยารักษาโรค บอกเลยว่าเต็มไปด้วยประโยชน์จากสมุนไพรจีน แถมยังมีเนื้อสัมผัสที่นุ่ม หนึบ และละลายในปาก ในบทความนี้ เราจะพาทุกคนย้อนไปสมัยจีนโบราณกัน ไปรู้จักกับที่มาของเมนูหางหมูยาจีน พร้อมสูตรอร่อยที่ทำเองได้ง่าย ๆ ที่บ้าน รับรองว่าได้ทั้งความอร่อย และประโยชน์ที่เต็มอิ่มจนต้องอยากกลับบ้านไปทำให้คนที่บ้านกินแน่นอน! หางหมูยาจีน ต้นตำรับที่ควรรู้ ย้อนกลับมายุคจีนโบราณทั้งที มารู้จักกับต้นตำรับของเมนูนี้กันก่อนดีกว่ามีที่มาจากไหน ความจริงแล้วต้นตำรับของเมนูนี้ เกิดมาจากวัฒนธรรมของจีนโบราณตั้งแต่สมัยราชวงศ์หมิง และชิง ในเรื่องของแพทย์แผนจีน ที่เล่าต่อกันมาว่า อาหาร คือ ยารักษาโรค ต้นตำรับนี้จะเน้นการใช้หางหมูเป็นวัตถุดิบหลัก ที่มีคอลลาเจนสูง ผสมกับใช้สมุนไพรจีน อย่าง โป๊ยกั๊ก อบเชย ตังกุย เก๋ากี้ และเปลือกส้มแห้ง จะช่วยเพิ่มความอบอุ่นให้กับร่างกาย และกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด เพราะฉะนั้น การเลือกวัตถุดิบที่ดีและรู้วิธีการทำที่ถูกต้อง จะทำให้ได้ทั้งประโยชน์ และความอร่อยไปในเวลาเดียวกัน! หางหมูยาจีน จากความรู้ทางการแพทย์สู่เมนูบำรุงร่างกาย หางหมู เป็นส่วนที่มีไขมันและคอลลาเจนเยอะ เวลานำไปหางหมูตุ๋นจะช่วยบำรุงผิวพรรณและข้อต่อ ถ้านำไปปรุงอาหารรวมกับสมุนไพรอย่าง “ตังกุย” จะช่วยบำรุงเลือด และปรับฮอร์โมน นอกจากนี้ยังมี “พุทราจีน” และ “เก๋ากี้” ผลไม้ที่ให้ความหวาน แถมยังช่วยบำรุงสายตาได้อีกด้วย ช่วยรักษาสมดุลของร่างกาย หางหมู เรียกได้ว่าเป็นวัตถุดิบที่มีฤทธิ์ร้อน ส่วนสมุนไพรจีนชนิดที่อยู่ในเมนูหางหมูยาจีนจะมีฤทธิ์ให้ความอบอุ่นกับร่างกายทั้ง 2 อย่างนี้เปรียบเหมือน “หยินกับหยาง” ที่มาหักล้างกันให้สมดุล ทำให้เหมาะสำหรับคนที่หนาวง่าย อ่อนเพลีย หรือมีโรคประจำตัว อย่างโรคโลหิตจาง มักจะนิยมทำในฤดูหนาวเพราะจะทำให้ร่างกายอุ่นขึ้น จุดเด่นของ หางหมูยาจีน ทำไมถึงเป็นมากกว่าซุปที่อร่อย? หางหมู ถึงจะเป็นวัตถุดิบที่หลายคนมองข้าม แต่เวลาที่นำมาทำอาหาร กลับกลายเป็นเมนูที่มีความพิเศษและโดดเด่นมากขึ้น อย่างเมนูหางหมูยาจีน  ที่มีจุดเด่นหลายอย่าง ไม่ว่าจะเนื้อสัมผัส ประโยชน์ ส่วนผสม หรือแม้แต่การนำวัฒนธรรมของจีนโบราณเข้ามาใช้กับอาหารไทยจนเป็นที่รู้จักกัน เราได้รวบรวมจุดเด่นของเมนูนี้มาแล้ว ตามไปดูกันเลย! หางหมู  วัตถุดิบที่มีเนื้อสัมผัสนุ่ม หนึบ ละลายในปาก ส่วนมากจะเน้นหนัง เส้นเอ็น และไขมัน ไม่ว่าจะนำมาต้ม หรือตุ๋น จะทำให้เนื้อนุ่ม หนึบ และเคี้ยวเพลิน สามารถนำมาทำอาหารได้หลายเมนู ไม่เพียงแต่เมนูนี้เท่านั้น แต่ยังทำเมนูหางหมูต้ม หางหมูตุ๋น หรือหางหมูพะโล้ได้ แค่นำไปปรุงรสด้วยเครื่องเทศต่าง ๆ ก็ทำให้ได้เนื้อที่มีรสชาติเข้มข้น และเนื้อสัมผัสที่นุ่มตามความต้องการแน่นอน รวมทั้งได้รสชาติของน้ำซุปที่หวาน กลมกล่อม และสมุนไพรที่ตุ๋นรวมกันในหม้อ เมนูความอร่อย เต็มไปด้วยสมุนไพรจีน เมนูนี้มักจะใช้วิธีการตุ๋น และต้ม เพื่อทำให้เนื้อนุ่ม และหนึบกำลังดี จะใส่ส่วนผสมสมุนไพรจีนอย่าง ตังกุย พุทราจีน เก๋ากี้ โป๊ยกั๊ก และอบเชยที่ช่วยบำรุงร่างกาย กระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ทำให้เมนูนี้มีจุดเด่นเป็นเหมือนยาในรูปแบบของอาหารที่ไม่ว่าใครก็สามารถทำได้ด้วยตัวเอง น้ำซุปมีกลิ่นหอม และความหวานจากสมุนไพร ส่วนมากน้ำซุปจะไม่ใส่ผงชูรส เพราะใช้พุทราจีน และเก๋ากี้เป็นตัวให้ความหวานและความหอมกับเมนูนี้ ทำให้หางหมูยาจีนโดดเด่นในเรื่องของความหอมและรสชาติที่หวาน ยิ่งใช้เวลานานในการเคี่ยวจะทำให้น้ำซุปเข้มข้นมากขึ้น เปิดสูตรโบราณวิธีทำ พร้อมกับเคล็ดลับความอร่อย! รู้จักทั้งต้นตำรับ และจุดเด่นของเมนูนี้แบบคร่าว ๆ กันแล้ว งั้นเรามาเปิดสูตรโบราณ หางหมูยาจีน ที่สามารถทำเองได้ที่บ้านง่าย ๆ เพียงแค่ซื้อวัตถุดิบอย่างหางหมู และสมุนไพรจีนไม่กี่อย่างมาทำเอง ก็ทำให้ได้น้ำซุปที่มีรสชาติเข้มข้น กลมกล่อม และหอมกลิ่นสมุนไพรทันที ไม่ต้องเสียเวลาขับรถไปข้างนอก วัตถุดิบและส่วนผสม หางหมู 500 กรัม ตังกุยแห้ง 4 แผ่น พุทราจีน 8 ลูก เก๋ากี้ 1 ช้อนโต๊ะ โป๊ยกั๊ก 2 ดอก อบเชยแท่ง 1 แท่ง น้ำสะอาด 6 ถ้วยครึ่ง ขิงแก่ (หั่นแว่น) กระเทียม ขั้นตอนและวิธีทำ ขั้นตอนแรกเตรียมหางหมู และล้างให้สะอาด ก่อนนำไปต้มน้ำเดือดประมาณ 5 นาที เพื่อลดกลิ่นคาว หลังจากนั้นใส่น้ำสะอาดลงหม้อ ก่อนจะใส่ขิง กระเทียม ตังกุย พุทราจีน อบเชย เก๋ากี้ โป๊ยกั๊ก และอบเชย ต้มจนได้กลิ่นสมุนไพร พอได้กลิ่นสมุนไพรแล้ว ให้ใส่หางหมูที่เตรียมไว้ลงหม้อ ก่อนจะลดไฟอ่อนและตุ๋นหางหมูไว้ประมาณ 2 – 3 ชั่วโมง สามารถเพิ่มน้ำตามที่ต้องการได้ สามารถใส่ซีอิ๊วขาว หรือเกลือเล็กน้อยได้ตามใจชอบ เพื่อเพิ่มรสชาติ หลังจากที่ตุ๋นจนเนื้อนุ่มแล้ว ตักใส่ถ้วยและโรยพริกไทย เพื่อเพิ่มความอร่อย ก่อนนำมาเสิร์ฟพร้อมทานได้เลย เคล็ดลับความอร่อยทำได้ง่าย มือใหม่ควรรู้! เวลาตุ๋น แนะนำว่าให้ใช้หม้อเคลือบ หรือหม้อดิน จะทำให้น้ำซุปมีกลิ่นหอม และรสชาติเข้มข้น อร่อยมากขึ้นจากเดิม เวลาปรุงแนะนำว่า ไม่ต้องใส่ผงชูรส เพราะสมุนไพรจีนให้ความหวานกับเมนูนี้อยู่แล้ว Q&A หางหมูยาจีน เมนูที่คนรุ่นใหม่ยังไม่รู้จัก คนรุ่นใหม่อาจตั้งคำถามหลายอย่างว่า “หางหมูกินยังไง?”  “อร่อยจริงมั้ย?” แล้ว “ดีต่อสุขภาพจริงเหรอ?” แม้หลายคนจะไม่ค่อยรู้จักกับหางหมูยาจีน อาจจะทำให้งง ๆ ว่าจะเริ่มต้นยังไงดี วันนี้เราเลยรวบรวม 5 คำถามยอดฮิตมาตอบทุกคนเกี่ยวกับอาหารจานเด็ดนี้แล้ว รีบตามมาดูคำตอบกัน! Q: ทำไมต้องใช้หางหมู ทำเมนูประเภทต้ม หรือตุ๋น A: เพราะหางหมูมีหนัง และเอ็นของไขกระดูกที่มีคอลลาเจนสูง ช่วยเรื่องบำรุงผิวพรรณ เวลาที่นำมาตุ๋นจะทำให้เนื้อนุ่ม หนึบและน้ำซุปมีรสชาติที่เข้มข้น กลมกล่อม เหมาะกับการตุ๋นคู่กับสมุนไพรจีนที่ให้ความหวานจากธรรมชาติ Q: หางหมูยาจีนกับซุปกระดูกหมูทั่วไปแตกต่างกันยังไง A: เมนูนี้มีความโดดเด่นในเรื่องการใช้สมุนไพรจีนหลายอย่างเข้ามาตุ๋นกับหางหมู ไม่ว่าจะเป็น ตังกุย พุทราจีนและเก๋ากี้ ที่ช่วยให้ความหวาน กลิ่นหอมกับน้ำซุป โดยไม่ต้องใส่ผงชูรส ส่วนซุปกระดูกหมูธรรมดาจะเน้นการเคี่ยวกระดูกและปรุงรสจากผงชูรส Q: ถ้าหาซื้อสมุนไพรจีนไม่ครบ ทำได้ไหม A: ทำเมนูนี้ได้แน่นอน แต่เราจะเลือกใช้เฉพาะตังกุย พุทราจีน เก๋ากี้ที่ให้ความหวานและประโยชน์แก่ร่างกาย แทบไม่ต้องปรุง หรือจะปรับวิธีการทำตามวัตถุดิบที่มีได้เลย Q: หางหมูยาจีน มีสรรพคุณช่วยอะไรได้บ้าง A: ช่วยบำรุงเลือด บำรุงไต เสริมคอลลาเจนให้กับร่างกาย ฟื้นฟูพลังงานและยังลดความเย็นในร่างกายได้ด้วย Q: หางหมูยาจีน เหมาะกับคนกลุ่มไหน A: เมนูนี้เหมาะกับกลุ่มคนที่รักสุขภาพ ผู้สูงอายุ คนที่เป็นโรคโลหิตจาง ผู้หญิงหลังคลอด และคนที่หนาวง่าย เพราะช่วยบำรุงเลือด ฟื้นฟูร่างกาย และช่วยปรับสมดุลให้ร่างกายของเราอุ่นพอดี เชื่อได้เลยว่า ถึงวัตถุดิบนี้จะไม่ใช่ตัวเลือกแรกของหลายคน เวลาที่ซื้อของมาทำอาหาร แต่พอได้รู้วิธีการทำที่ถูกต้อง ก็รู้ว่า หางหมู เป็นวัตถุดิบหนึ่งที่ทำให้อาหารอร่อยขึ้นได้เยอะมากแถมยังได้ประโยชน์อีก อย่างเมนูหางหมูยาจีนที่เอาสมุนไพรจีนมาตุ๋นกับหางหมู ทำให้ได้รสชาติที่เข้มข้น กลมกล่อมมากขึ้น แถมยังได้ความหวานจากสมุนไพรจีน จนแทบไม่ต้องปรุงเพิ่มเลย แนะนำว่าลองไปทำตามกันดูนะ รับรองว่าคุณจะมองหางหมูเปลี่ยนไปจากเดิมแน่นอน หรือ อาจกลายเป็นของโปรดของใครหลายคน เวลาทำอาหารทุกวันก็ได้ และถ้ายังนึกไม่ออกว่าหางหมูเอาไปทำอะไรได้อีก ตามไปอ่านสูตรหางหมูพะโล้ต่อได้เลย แล้วมาเปิดสูตรความอร่อยนี้ไปด้วยกัน!

สูตรหางหมูพะโล้ ตุ๋นเนื้อนุ่ม ไม่ต้องปรุงเพิ่มก็อร่อยได้

หางหมู วัตถุดิบที่หลายคนไม่ค่อยคุ้นเคย

สูตรหางหมูพะโล้ เคยลองทำกันรึยัง? ถึงหางหมูจะเป็นวัตถุดิบที่หลายคนไม่ค่อยคุ้นเคย แต่ด้วยเนื้อสัมผัสที่มีความนุ่ม หนึบ การทำเมนูตุ๋นอย่าง “หางหมูพะโล้” จะได้เมนูที่มีเอกลักษณ์ โดดเด่นในเรื่องของรสชาติที่ทั้งกลมกล่อม เข้มข้น หวานติดเค็มเล็กน้อย แถมยังถูกปากทั้งเด็ก และผู้ใหญ่ ไม่ว่าใครก็สามารถทำตามได้ง่าย ๆ หรือจะทำให้คนที่คุณรักทาน ก็รับรองว่าเป็นเมนูพิเศษแสนอร่อยของหลายคนได้แน่นอน วันนี้เราเลยพาทุกคนมาตะลุยสูตรหางหมูพะโล้ ที่ได้ทั้งความนุ่ม อร่อย ละลายในปากจนต้องร้องว้าว ไปตะลุยสูตรนี้กัน! สูตรหางหมูพะโล้ คืออะไร มาทำความรู้จัก เมนูขาประจำของทุกบ้านกัน! ก่อนจะไปเปิดสูตรการทำหางหมูพะโล้โบราณ ลองมาทำความรู้จักที่มาของพะโล้โบราณกันก่อนว่า พะโล้มีต้นกำเนิดมาจากไหน ทำไมถึงกลายมาเป็นสูตรโบราณที่ทั้งอร่อย และกลมกล่อม จนกลายเป็นเมนูขาประจำของทุกบ้านได้ “พะโล้” มีจุดเริ่มต้นมาจากประเทศจีน โดยเฉพาะกลุ่มของคนจีนแต้จิ๋ว ที่เข้ามาตั้งถิ่นฐานอยู่ในประเทศไทย และเอาสูตรอาหารอย่างพะโล้ ติดตัวเข้ามาด้วย ทำให้คำว่า “พะโล้” ถูกคิดว่าน่าจะเพี้ยนเสียงมาจากภาษาจีนแต้จิ๋วว่า “ผะโล่ว (卤)” แปลว่า การตุ๋นในน้ำพะโล้ให้อาหารมีรสหวาน และเค็มสลับกัน ผสมกับกลิ่นหอมของเครื่องเทศ สูตรต้นฉบับจากจีน ใช้วิธีการเคี่ยวน้ำตาลทรายแดงในกระทะให้เป็นสีน้ำตาล ก่อนจะใส่เครื่องปรุงรสต่าง ๆ เช่น ซีอิ๊ว เครื่องเทศ พวกอบเชย โป๊ยกั๊ก สมุนไพรจีนชนิดหลายชนิด และเนื้อหมู ลงไปในหม้อ แล้วเคี่ยวให้สุก วิธีนี้จะทำให้พะโล้มีรสชาติเข้มข้น และอร่อยมากขึ้น  ส่วนสูตรของคนไทยบอกเลยว่า จะเน้นเรื่องรสชาติที่หงาน เค็ม กลมกล่อมและหอมกำลังดีจากสมุนไพรไทยสามทหารเสืออย่าง รากผักชี กระเทียม และพริกไทย เรียกได้ว่าอร่อย ถูกปากหลายคนแน่นอน! สูตรหางหมูพะโล้: เคล็ด (แต่) ไม่ลับ ความอร่อยของเรา หางหมูพะโล้ เรียกได้ว่าเป็นเมนูความอร่อยที่ใช้วัตถุดิบเพียงไม่กี่อย่าง อร่อยได้ในหม้อเดียว จากหางหมู วัตถุดิบที่หลายคนมองข้ามกลับกลายมาเป็นอาหารจานเด็ดของหลายคนที่มีทั้งความนุ่ม หอม และเข้มข้น ด้วยวิธีการตุ๋นในหม้อเป็นเวลานานด้วยสมุนไพรของไทยอย่างสามเกลอ ไม่ว่าจะเป็นรากผักชี กระเทียม และพริกไทย รับรองว่าได้เนื้อนุ่มตามที่ต้องการแน่นอน ละลายในปาก แถมได้น้ำซุปที่เข้มข้น อร่อยโดนใจแบบไม่ต้องปรุงเพิ่มที่หลังอีก สูตรหางหมูพะโล้ที่ดี ไม่ใช่แค่ต้องวัตถุดิบดี แต่ต้องมีเทคนิคในการตุ๋นให้นุ่มละลายในปาก แต่ยังคงรสชาติของเมนูนี้ไว้ด้วย ถ้าอยากรู้เคล็ดที่ (ไม่) ลับ ตามมาดูสูตรอร่อยกันเลย! วัตถุดิบและส่วนผสม หางหมูหั่นท่อน 500 กรัม ไข่ไก่ 4 ฟอง (จะใส่หรือไม่ใส่ก็ได้) เต้าหู้แข็ง 1 ก้อน กระเทียมทุบละเอียด 1 ช้อนโต๊ะ รากผักชี 2 ราก พริกไทยขาวเม็ด 1 ช้อนชา เกลือ 1/2  ช้อนชา น้ำตาลปิ๊บ 4 – 6 ช้อนโต๊ะ น้ำปลา 2 ทัพพี น้ำเปล่า (เทให้ทั่วหางหมู และไข่ไก่) ซีอิ๊วดำหวานเล็กน้อย (ถ้าสีของน้ำซุปเข้มแล้วไม่ต้องใส่เพิ่ม) วิธีการทำหางหมูพะโล้สูตรโบราณ ต้มไข่ไก่บนกระทะ 6 นาที ใส่เกลือ 1 ช้อนโต๊ะ และคอยคนไข่ไก่ไปเรื่อย ๆ เพื่อให้ไข่แดงอยู่กลางใบสวยพอดี จากนั้นแช่ไข่ในน้ำเย็น ปอกเปลือก และพักไว้ เตรียมและล้างหางหมูให้สะอาด ก่อนจะนำมาลวกในหม้อประมาณ 3 – 5 นาที เพื่อลดกลิ่นคาว ก่อนจะหั่นเป็นชิ้นตามความต้องการ ตำรากผักชี กระเทียม พริกไทยให้ละเอียด แล้วนำไปผัดในหม้อด้วยไฟอ่อนจนหอม และพักทิ้งไว้ เติมน้ำเปล่าลงในหม้อ ใส่น้ำตาลปิ๊บ และเคี่ยวด้วยไฟอ่อนจนได้สีน้ำตาลเข้ม จากนั้นใส่เครื่องแกงที่ผัดแล้ว ลงในหม้อที่เคี่ยวแล้ว และปรุงรสด้วยน้ำปลา และคนให้เข้ากัน ใส่หางหมูที่หั่นชิ้นลงไปในหม้อ ตั้งไฟกลางจนหางหมูเริ่มนุ่ม เติมน้ำเปล่าเพิ่มตามความต้องการ ต้มจนเดือดและลดไฟให้เบาลง ก่อนจะใส่ไข่ไก่ เต้าหู้ทอดลงในหม้อ เคี่ยวต่อด้วยไฟอ่อนจนหางหมูนุ่มได้ที่ ถ้าต้องการสีของน้ำซุปให้เข้มขึ้น สามารถเติมซีอิ๊วดำเพิ่มได้ตามความชอบ เคล็ดลับเพื่มความอร่อย หางหมูพะโล้ โป๊ยกั๊ก และ อบเชย  จะช่วยเพิ่มความหอมของพะโล้แบบจีนโบราณ ถ้าทิ้งไว้ข้ามคืน และอุ่นกินตอนเช้า จะทำให้รสชาติมีความเข้มข้น และกลมกล่อมมากขึ้น กินคู่กับข้าวสวยร้อน ๆ หรือจะกินกับข้าวต้มก็เข้ากันได้ดี อร่อยแบบไม่ต้องปรุงเพิ่ม Q&A สูตรหางหมูพะโล้ เมนูโปรดของทุกบ้าน อร่อย นุ่ม ทำได้ไม่ยาก! ไปเปิดสูตรวิธีทำหางหมูพะโล้โบราณกันมาแล้ว หลายคนอาจมีคำถามที่คาใจว่า “จะทำให้หางหมูนุ่มได้ยังไง ?” “ถ้าขาดวัตถุดิบบางอย่างยังทำเมนูนี้ได้อยู่ไหม?” วันนี้หมูอินเตอร์รวม 5 คำถามมาตอบคำถามที่สงสัยกัน จะมีคำถามไหนบ้างนั้น ตามไปอ่านกัน! Q: หางหมูพะโล้ต้มยังไงให้นุ่ม A: เคล็ดลับความนุ่มง่าย ๆ คือการต้มหางหมูในน้ำเดือดประมาณ 3 – 5 นาที จากนั้นนำไปตุ๋นไฟอ่อน ด้วยสมุนไพรอย่าง รากผักชี กระเทียม และพริก ประมาณ 1 ชั่วโมง จะช่วยให้เนื้อหางหมูสุก และนุ่มพอดี ลองไปทำตามกันดูนะ! Q: หางหมูพะโล้ต้องใส่อะไรบ้าง A: วัตถุดิบหลัก ๆ ที่ใช้ทำหางหมูพะโล้ จะมีหางหมู ไข่ไก่ เต้าหู้ น้ำตาลปี๊บ ซีอิ๊วดำ น้ำปลา และที่ขาดไม่ได้ คือ สมุนไพร สามเกลอ (รากผักชี กระเทียม พริกไทย) ที่ช่วยเพิ่มความหอม แต่ถ้าใครอยากได้ความหอมมากขึ้นก็ใส่โป๊ยกั๊ก และอบเชย เพื่อเพิ่มความหอมก็ได้ Q: โป๊ยกั๊ก และอบเชย จำเป็นต้องใส่ในหางหมูพะโล้ทุกครั้งไหม A:  ไม่จำเป็นต้องใส่ในพะโล้ทุกครั้งก็ได้ เพราะเรามีส่วนผสมอย่างรากผักชี กระเทียม และพริกไทยให้ความหอมอยู่แล้ว แต่ถ้าอยากได้ความหอมแบบจีนโบราณ แนะนำว่าให้ใส่โป๊ยกั๊ก 1 – 2 ดอก และอบเชยเล็กน้อย จะทำให้กลิ่นหอมมากขึ้น Q: ทำไมต้องใส่น้ำตาลปี๊บลงในพะโล้ A:  น้ำตาลปี๊บจะช่วยให้พะโล้มีรสหวาน กลมกล่อม และมีกลิ่นหอมเฉพาะตัว ซึ่งจะแตกต่างจากน้ำตาลทรายทั่วไปที่ให้ความหวานอย่างเดียว Q: เมนูพะโล้เก็บไว้ได้นานไหม A:  ถ้าแช่พะโล้ไว้ในตู้เย็นสามารถเก็บได้ 2 – 3 วัน แต่ถ้าแช่แข็งไว้จะเก็บได้นานถึง 1 อาทิตย์ เรียกได้ว่าถ้าเอามาอุ่นกินซ้ำจะได้รสชาติที่กลมกล่อม และเข้มข้นขึ้น ใครที่เคยมองข้ามหางหมู ไม่ว่าจะเคยกินแล้วหรือยังไม่เคยลอง แล้วคิดว่าไม่อร่อย ลองมาเปิดใจให้กับวัตถุดิบนี้ดู ไม่งั้นจะถือว่าพลาดของอร่อย เพราะหางหมู เป็นวัตถุดิบที่ทำอาหารได้มากกว่าที่เราคิด อย่างเมนูหางหมูพะโล้สูตรโบราณที่ตุ๋นกับสมุนไพรจนได้เนื้อที่มีความนุ่ม หนึบ หอมกลิ่นเครื่องเทศ แถมยังได้น้ำซุปที่มีความเข้มข้นถูกปากใครหลายคนแบบไม่ต้องปรุงเพิ่ม และถ้ายังนึกไม่ออกว่าจะเอาไปทำเมนูไหนอีก ตามมาอ่าน หางหมูทำอะไรได้บ้าง ได้เลย รับรองว่าวัตถุดิบที่คนมองข้ามนี้อาจจะกลายเป็นวัตถุดิบขาประจำของหลายบ้านก็ได้นะ

หางหมูทำอะไรได้บ้าง วัตถุดิบธรรมดาที่อร่อยเกินคาด

หางหมู ชิ้นส่วนที่หลายคนมองข้าม แต่นำมาทำอาหารได้หลากหลาย

หางหมู ถือว่าเป็นวัตถุดิบที่หลายคนมองข้าม แม้จะมีเนื้อสัมผัสที่แปลกใหม่และทำอาหารได้หลายเมนู แต่คนส่วนมากเลือกที่จะไม่ซื้อหางหมูมาทำอาหาร เพราะไม่เป็นที่นิยมนำมาใช้ และเป็นชิ้นส่วนที่ไม่คุ้นเคย ทำให้บางคนรู้สึกว่า หางหมู มีรูปร่างที่แปลก ดูไม่สะอาด และใช้เวลานานในการทำ เพื่อให้เนื้อที่ทั้งนุ่มและได้รสชาติที่ต้องการ แต่ใครจะรู้ว่าวัตถุดิบอย่าง “หางหมู” สามารถสร้างสรรค์อาหารได้หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเมนูหางหมูต้ม หางหมูพะโล้ หางหมูตุ๋น หางหมูย่าง และหางหมูทอด แถมยังให้ความอร่อยที่ไม่ธรรมดาอีก วันนี้เราเลยรวม 5 เมนูยอดฮิตที่ทำจากหางหมู มาแนะนำให้กับทุกคนอ่านในบทความนี้กัน รับรองว่าคุณจะมองหางหมูเปลี่ยนไปแน่นอน 5 เมนูหางหมูสุดสร้างสรรค์ อร่อยกว่าที่คุณคิด แม้หางหมูจะเป็นชิ้นส่วนของหางที่ยื่นออกมาจากตัวหมู แต่ก็ใช่ว่าจะนำมาทำอาหารได้เพียงส่วนเดียว แต่ความจริงแล้วหางหมูมีหลายส่วนที่นำมาทำอาหารได้ ไม่ว่าจะเป็นกระดูกหาง ไขมัน เอ็นและหนังหมู ด้วยความที่หางหมูมีเนื้อสัมผัสที่เหนียว นุ่ม และหนึบ ทำให้เป็นที่นิยมของอาหารประเภทต้ม ตุ๋น ย่าง และทอด ส่วนมากจะเน้นเรื่องของไขมันและหนังหมูเป็นหลัก ถ้าใครชอบสายชอบมันหมู หรือหนังหมู จะมีเมนูชื่นชอบของใครกันบ้างนั้น ตามไปดูเลย หางหมูต้ม หางหมูต้ม ถ้าต้มจนได้ที่ จะได้เนื้อสัมผัสที่มีทั้งความหนึบ นุ่ม จากหางหมูที่เปื่อย ในน้ำซุปร้อน ๆ พร้อมกับใส่หัวหอม ตะไคร้ ข่า ใบมะกรูด และตัดเลี่ยนด้วยพริกขี้หนู น้ำมะนาวเล็กน้อย ทำให้ได้รสที่กลมกล่อม แถมยังได้ความอร่อยไปในตัว เมนูนี้เหมาะกับคนที่ชอบความนุ่ม หนึบ และเน้นเอ็นล้วน ๆ สายชอบทานของเผ็ด หรือคนที่มองหาเมนูอร่อยที่มีราคาถูก ไม่แพงมาก ประหยัดต้นทุน รับรองว่าไม่ผิดหวังแน่นอน สัมผัสนุ่ม หนึบแบบนี้ หางหมูต้ม ตอบโจทย์มาก หางหมูพะโล้ หางหมูพะโล้  ถึงจะเป็นเมนูธรรมดาของแต่ละบ้านแต่เต็มไปด้วยความพิเศษที่มีทั้งความกลมกล่อม และกลิ่นหอมจากเครื่องปรุงอย่างซีอิ๊ว น้ำตาลปิ๊บ รวมทั้งเครื่องของพะโล้สูตรดั้งเดิม ทำให้มีรสชาติของเครื่องเทศที่โดดเด่น มีเนื้อสัมผัสที่เปื่อย นุ่ม และได้รสชาติความเข้มข้นของหางหมูพะโล้แบบเต็ม ๆ ทั้งความหวาน ความมัน และความเค็ม ถ้ากินกับข้าวสวยร้อน ๆ กำลังดี อร่อยไปกับเมนูธรรมดาของทุกบ้าน ได้ทุกวันที่แม้จะทำกินกี่ครั้งก็ไม่เบื่อ หางหมูตุ๋น แค่เอ่ยถึงเมนูอย่าง หางหมูตุ๋น ก็รู้แล้วว่าต้องใช้เวลานานในการตุ๋น และเคี่ยว เพื่อให้เนื้อและเอ็นของหางหมูออกมานุ่มเหมาะกับเมนูอย่างหางหมูตุ๋นยาจีน หรือจะใส่ขิงแทนลงในน้ำตอนตุ๋นก็ได้ เพราะจะช่วยเพิ่มความหอมและความหวานจากวัตถุดิบธรรมชาติอย่างสมุนไพร ทำให้หางหมูตุ๋นเหมาะกับสายรักสุขภาพ ต้องการบำรุงร่างกาย ผู้สูงอายุ หรือคนที่ชอบเนื้อสัมผัสที่มีทั้งความนุ่ม หนึบ และเปื่อยง่ายอยู่ในตัว ถือว่าเป็นเมนูที่ทั้งอร่อยและดีต่อร่างกายไปพร้อม ๆ กันก็ได้ประโยชน์ที่ต่างกันไปอีกแบบ หางหมูย่าง หางหมูย่าง แม้จะไม่ใช่เมนูยอดฮิตเหมือนกับคอหมูย่าง แต่ก็เด่นในเรื่องของเนื้อสัมผัสไม่แพ้กัน ไม่ว่าจะเรื่องของความนุ่ม หนึบ และความมันของหางหมูที่กำลังดี วิธีการทำให้หางหมูย่างให้อร่อยนั้น ทำได้ไม่ยาก เพียงเริ่มจากการผสมซอส หมักหางหมู ก่อนจะนำไปย่างบนเตา ได้ทั้งความอร่อย ความนุ่ม หนึบกำลังดี  และกลิ่นหอมอ่อน ๆ จากเตาถ่าน เวลากินคู่กับน้ำจิ้มแจ่วเข้ากันมาก เหมาะกับเป็นเมนูสำหรับสายปิ้งย่าง ต้องลองถ้าได้ลองแล้วอร่อยจนต้องยกนิ้วให้เลย หางหมูทอด หางหมูทอด วัตถุดิบที่หลายคนคิดไม่ถึงว่าจะนำมาทำอาหารแล้วอร่อย เพียงแค่รู้วิธีล้างให้สะอาด และหมักเครื่องเล็กน้อย ก่อนจะลงกระทะทอดให้ได้หางหมูที่มีความมัน กรอบ และนุ่มกำลังดีแบบนี้แล้ว ยังได้กลิ่นหอมของหางหมูที่พึ่งออกจากกระทะมาอีก ถือว่าเป็นเมนูหนึ่งที่หลายคนชอบ จะกินคู่กับน้ำจิ้มแจ่ว หรือน้ำจิ้มซีฟู้ดเป็นเครื่องเคียงก็ลงตัวได้ ไม่ต้องกังวลเลย  เหมาะกับคนที่ชอบเนื้อสัมผัสมัน หนึบ สามารถกินได้เรื่อย  ๆ และไม่เลี่ยนจนเกินไป หางหมูสะอาดได้ง่ายๆ เพียงแค่รู้วิธีทำ ก่อนจะไปรู้ว่าวัตถุดิบที่คนมองข้ามอย่าง “หางหมู” สามารถทำอาหารสุดพิเศษอะไรได้บ้าง เรามาเริ่มจากขั้นตอนการล้างหางหมูให้สะอาดกันก่อนดีกว่า เพียงแค่รู้วิธีล้างหางหมูไม่กี่ขั้นตอน ประหยัดทั้งเวลาแถมยังได้วัตถุดิบที่สะอาดก่อนนำไปทำอาหารง่ายๆ  4  ขั้นตอนนี้ ล้างหางหมูด้วยน้ำสะอาด พร้อมทั้งใช้มีดขูดเบา ๆ เพื่อล้างคราบเลือด เมือก และสิ่งสกปรกต่าง ๆ นำหางหมูมาขยำกับเกลือ และแป้งมัน เพื่อลดกลิ่นคาว และเมือกที่ติดอยู่บนหางหมูก่อนจะล้างออกด้วยน้ำสะอาด แช่หางหมูในน้ำส้มสายชู 2 – 3 ช้อนโต๊ะ ก่อนจะทิ้งไว้ 15 – 20 นาที นำหางหมูมาต้มในน้ำเดือดที่ใส่สมุนไพร ทั้งขิง ตะไคร้ และใบมะกรูดไว้แล้ว ประมาณ 3 – 5 นาที Tips ควรรู้: เคล็ดลับล้างหางหมูยังไง ให้สะอาด หายห่วง! หั่นหางหมูเป็นท่อน ๆ ก่อนล้าง จะทำให้ล้างหางหมูได้สะอาด และทั่วทั้งชิ้นมากกว่า ถ้าหางหมูมีขนติดมา ให้ใช้มีด หรือเผาด้วยไฟอ่อน ๆ ก่อนล้างออก หางหมู ถ้าเผลอล้างไปแล้ว แต่ยังไม่ใช้ทำอาหาร ให้ใช้ผ้าสะอาดซับจนแห้ง ก่อนจะนำเข้าตู้เย็น หรือแช่แข็ง หางหมูสด ซื้อที่ไหนดี ง่ายนิดเดียว! คิดว่าหลายคนน่าจะเคยเจอปัญหา อยากทำมื้ออาหารสุดอร่อยจากหางหมู แต่ไม่รู้ว่าจะหาซื้อได้ที่ไหน บางคนวิ่งวุ่นหาจนทั่วแต่ก็ไม่มี จนต้องล้มเลิกเมนูจากหางหมูไป เพราะจะไปซื้อที่ห้าง หรือซุปเปอร์มาร์เก็ตต้องใช้เวลานานแน่ ๆ กว่าจะขับรถ และเดินหาอีก แต่ต่อจากนี้เรื่องยาก ๆ จะหายไป เพราะไม่ว่าใครก็สามารถหาซื้อหางหมูสดได้ง่าย ๆ แล้วทั้งร้านขายเนื้อหมูใกล้บ้านคุณอย่าง “หมูอินเตอร์” ไม่ต้องกังวลว่าจะไม่เจอหางหมูที่คุณต้องการ รับรองว่าที่เรามีของครบจบที่เดียวแน่นอน หาซื้อหางหมูได้ที่ “หมูอินเตอร์” ทุกสาขาใกล้บ้านคุณ โซนภาคเหนือ จังหวัดเชียงใหม่ น่าน และสุโขทัย สำหรับใครที่ไม่อยากออกบ้าน สั่งหางหมูทางออนไลน์ก็ยังได้ สะดวกทั้งเวลา และประหยัดงบในมือด้วย อยู่กับเรื่องหางหมูมาทั้งเรื่องแล้ว ถ้าใครกำลังมองหาวัตถุดิบใหม่ ที่ไม่ซ้ำและจำเจ เชื่อว่าพออ่านมาถึงตรงนี้ “หางหมู” อาจจะเป็นหนึ่งคำตอบที่คุ้มค่า เพราะไม่ว่าจะทำเมนูหางหมูต้ม พะโล้ ตุ๋น ย่าง หรือทอด ก็ทำให้คุณได้เนื้อสัมผัสที่แปลกใหม่ และหลากหลาย แค่ลองเปิดใจให้กับวัตถุดิบที่หลายคนมองข้ามจะทำให้รู้ว่าความจริงแล้ว “หางหมู” สามารถทำอาหารได้มากกว่าที่คุณคิด Q&A เรื่องหมูหมู ของหางหมูที่คุณยังไม่รู้? ยังมีเรื่องอะไรอีกของวัตถุดิบอย่าง “หางหมู” ที่คุณยังไม่รู้ ถ้ายังนึกไม่ออก วันนี้เรารวบรวม 6 คำถามยอดนิยมที่ใครหลายคนสงสัยว่าวัตถุดิบนี้จะซื้อมาทำอะไรได้หลากหลายจริงหรือ ไว้ในบทความเรื่องนี้แล้ว ตามไปอ่านกัน! Q : หางหมูทำอะไรได้บ้าง A : เห็นขึ้นชื่อว่า “หางหมู” แบบนี้ทำอาหารได้หลายอย่างนะ ไม่ว่าจะเป็นหางหมูต้ม หางหมูพะโล้ หางหมูตุ๋นยาจีน หางหมูย่าง และหางหมูทอด จะทำด้วยวิธีไหนก็ได้เนื้อสัมผัสที่ต้องการทั้งนุ่ม และหนึบ ไม่แพ้กับส่วนอื่นของเนื้อหมูเลย Q : วิธีล้างหางหมูให้สะอาดต้องทำยังไง A : วิธีล้างหางหมูทำตามได้ง่าย ๆ คือ ล้างหางหมูด้วยน้ำสะอาดและใช้มีดขูดเบา ๆ เพื่อล้างคราบเลือดและเมือก หลังจากนั้นเลือกดับกลิ่นคาวของหางหมูด้วยวิธีใดก็ได้ ไม่ว่าจะนำมาขยำเกลือ หรือแป้งมัน แช่น้ำส้มสายชูทิ้งไว้ 15 – 20 นาที ก่อนจะนำมาต้มในน้ำเดือดที่มีทั้งขิง ตะไคร้ และใบมะกรูด เพื่อลดกลิ่นคาวและเพิ่มความหอมให้กับหางหมู Q : หางหมูดีต่อสุขภาพจริงไหม A : หางหมูดีต่อสุขภาพในบางเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของคอลลาเจนจากหนังและเอ็นของหางหมู และช่วยในการบำรุงผิว ข้อ และกล้ามเนื้อ เหมาะกับผู้สูงอายุ และคนที่ต้องการเสริมโปรตีน และข้อต่อ แต่ควรระวังเรื่องการกิน เพราะต้องกินหางหมูในปริมาณที่เหมาะสม Q : หางหมูหาซื้อได้ที่ไหน A : หางหมูสามารถหาซื้อได้ตามตลาดทั่วไป ซุปเปอร์มาร์เก็ต หรือร้านขายหมู เช่น หมูอินเตอร์ มาที่นี่รับรองว่าครบจบในที่เดียวแน่นอน แถมราคายังประหยัดงบในกระเป๋าได้อีก Q : หางหมูเหมาะกับใครบ้าง A : เหมาะกับคนที่ชอบเนื้อสัมผัสที่เหนียว นุ่ม และหนึบของหนังหมูเป็นส่วนใหญ่ หรือคนที่ชอบอาหารประเภทต้ม ตุ๋น ย่าง และทอด เพราะทำให้สร้างสรรค์เมนูออกมาได้หลายอย่าง Q : ทำไมหลายคนไม่นิยมซื้อหางหมู A : ด้วยความที่หางหมูมีรูปร่างที่แปลก ไม่คุ้นตา และคิดว่าไม่สะอาด ทำให้คนส่วนมากไม่นิยมซื้อมาทำอาหาร รวมทั้งไม่รู้วิธีการทำความสะอาด และทำให้เนื้อหาหมูนุ่ม แต่จริง ๆ แล้วถ้ารู้วิธีการล้าง และทำให้เนื้อหางหมูนุ่มก็จะกลายเป็นเรื่องไม่ยากสำหรับเราเลย

เลือกเนื้อหมูให้ถูกส่วน ทำเมนูไหนก็ปัง

การเลือกเนื้อหมูให้ถูกส่วนคือเคล็ดลับสำคัญที่ช่วยให้เมนูอาหารอร่อยลงตัว

เคยเป็นมั้ย หลายครั้งเวลาที่ไปตลาดหรือซุปเปอร์มาร์เก็ต เรามักจะใช้เวลานานในการเลือกเนื้อหมู ยืนเลือกแล้วเลือกอีก แล้วตั้งคำถามกับตัวเองว่า เนื้อหมูส่วนไหนอร่อยที่สุด บางครั้งก็ตัดสินใจไม่ได้ว่าเนื้อหมูส่วนไหนจะทำอาหารได้อร่อย และคุ้มค่ามากที่สุด เรียกได้ว่าเป็นความยุ่งยากอย่างหนึ่งของสายทำอาหาร รวมทั้งพ่อค้าแม่ค้า กว่าจะเลือกวัตถุดิบได้แต่ละครั้งนั้นต้องใช้เวลานานเป็นชั่วโมง เพื่อให้ได้ของดี และมีคุณภาพที่สุด งั้นเราจะพาทุกคนไปรู้จักแต่ละส่วนของหมูว่าเนื้อหมูส่วนไหนอร่อยที่สุด พร้อมกับตารางแมตช์เมนูทอด ย่าง และตุ๋น เพียงเท่านี้ก็จะได้เมนูที่อร่อย คุ้มค่าในทุกมื้ออาหารแล้ว เลือกเนื้อหมูให้ถูกส่วน เริ่มจากรู้จัก “แผนผังชิ้นส่วนของหมู” กันก่อนทำเมนูสุดอร่อย! ก่อนจะเลือกเนื้อหมูให้ถูกส่วน แต่ละส่วนไปทำอาหารให้อร่อย มารู้จักกับชิ้นส่วนหลัก ๆ ของหมูกันก่อนว่ามีชิ้นส่วนไหนบ้าง แต่ละส่วนมีเนื้อสัมผัสยังไงบ้าง ถึงจะได้เมนูสุดอร่อยในมื้อธรรมดานี้ ตามมาดูกันเลย สันในหมู ถ้านึกถึง สันในหมู ต้องนึกถึงความนุ่มอย่างแน่นอน เนื้อแน่น ไม่เหนียว มีไขมันน้อยกว่าส่วนอื่นของเนื้อหมู ทำอาหารได้หลายอย่าง เช่น หมูอบ หมูย่าง หมูผัดน้ำมันหอย หรือหมูสเต๊ก หาซื้อง่าย ราคาจะอยู่ที่ 140-170 บาท นำมาทำอาหารแล้ว ซื้อไปแล้วไม่ผิดหวัง ถือว่าคุ้มค่าเรื่องปริมาณแน่นอน สันนอกหมู ส่วนมากสันนอกหมู จะเป็นเนื้อหมูล้วนที่ติดมันจากด้านนอกเล็กน้อย เนื้อแน่น ไขมันน้อย นุ่มแต่ไม่เหนียวจนไป นำมาทำได้หลากหลายเมนู ใช้เวลาไม่นานในการทำ ราคาไม่แพงเมื่อเทียบกับสันในหมูแล้ว ราคาของสันนอกหมูจะอยู่ที่ 150-165 บาท ต่างกันเพียงไม่กี่บาท ขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละคนว่าชอบเนื้อแบบไหนมากกว่ากัน หมูสามชั้น หมูสามชั้น หนึ่งในเนื้อหมูที่ขึ้นชื่อเรื่องความอร่อยและความชุ่มฉ่ำของเนื้อ ด้วยความที่หมูสามชั้นมีไขมันค่อนข้างเยอะ ทำให้มีเนื้อมีความนุ่ม เคี้ยวสนุก และมีกลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์หลังทำอาหารเสร็จ เหมาะกับเมนูประเภททอด ย่าง และต้ม ไม่ว่าจะเป็น หมูกรอบ หมูสามชั้นทอดน้ำปลา ที่กลายเป็นของโปรดใครหลาย ๆ คน ราคาหมูสามชั้นจะอยู่ที่ 140 บาทขึ้นไป  เนื้อส่วนนี้ราคาจะแพงกว่าส่วนอื่น แต่ด้วยรสชาติและนำไปทำอาหารได้หลายอย่าง ถือว่าคุ้มค่า แน่นอน ทำให้หมูสามชั้นเป็นวัตถุดิบที่ตอบโจทย์ของพ่อค้าแม่ค้า ร้านอาหาร และสายทำอาหารทุกบ้าน สะโพกหมู สะโพกหมู เป็นที่นิยมของคนรักสุขภาพ ต้องการเน้นเนื้อหมูมีไขมันแทรกเล็กน้อย ส่วนมากสะโพกหมู เนื้อจะมีความแน่น เวลาเคี้ยวจะได้ความรู้สึกเหมือนกินเนื้อที่เต็มคำ ถ้ารู้จักวิธีการทำอย่างดีจะทำให้เนื้อไม่เหนียว และยังได้ความอร่อยของเนื้อสะโพกหมูอยู่  ราคาของสะโพกหมูจะอยู่ที่ 110-113 บาท เรียกได้ว่า ราคาไม่แพงเลย  พอเทียบกับปริมาณของเนื้อที่ได้ ถือเป็นหนึ่งในตัวเลือกอันดับแรก ๆ ของสายรักสุขภาพแน่นอนในการเลือกมาทำอาหารแต่ละมื้อ ขาหมู ขาหมู วัตถุดิบที่มีความพิเศษในเรื่องของความเหนียว นุ่ม หนังหนาและมีเอ็นแทรก ขาหมูเลยเป็นเนื้อที่มีปริมาณของไขมันค่อนข้างมาก ควรใช้การตุ๋น และเคี่ยวด้วยเวลานาน ทำให้ได้เนื้อที่นุ่มละลายในปาก ราคาของขาหมูอยู่ที่ 90-110 บาท ถือว่าไม่แพง เหมาะกับเมนูอาหารที่ทำเป็นหม้อใหญ่ หรือแบ่งกันกินหลายคน ด้วยเนื้อสัมผัสของขาหมูที่ทั้งนุ่ม ละมุน หนึบหนับ ทำให้ขาหมูเป็นหนึ่งในวัตถุดิบของสายกินที่ไม่ควรพลาดเด็ดขาด! หัวหมู หัวหมู วัตถุดิบที่มีเอกลักษณ์ในเรื่องของรสชาติและเนื้อสัมผัส ไม่ว่าจะเป็นหนัง แก้ม ลิ้น และหูของหมู แต่ละส่วนล้วนมีไขมันแทรกอยู่ ทำให้เนื้อสัมผัสมีความเหนียว นุ่ม และหนึบเฉพาะตัว เหมาะมากกับถ้าจะนำไปนึ่ง ตุ๋น และเคี่ยว หรือทำเป็นพะโล้ จะทำให้ได้เนื้อที่นุ่ม ละลายในปาก แถมยังได้รสชาติที่เข้มข้นและกลมกล่อมมากขึ้น ส่วนมากราคาของหัวหมูจะอยู่ที่ 350-550 บาท ถือว่าไม่แพง เพราะปริมาณที่ได้คุ้มค่าต่อราคาที่ซื้อ หัวหมู 1 หัว สามารถนำแต่ละส่วนไปทำอาหารได้หลายเมนูรวมทั้งใช้ในวันงานสำคัญต่าง ๆ อย่างเทศกาลไหว้เจ้า วันสงกรานต์ หรือวันขึ้นปีใหม่ ก็ได้ด้วย คอหมู คอหมู เป็นส่วนที่มีความพิเศษและจุดเด่น คือ ความนุ่มและความชุ่มฉ่ำของเนื้อ เพราะมีไขมันแทรกอยู่ทั่วชิ้น ทำให้เนื้อไม่แห้ง และมีกลิ่นหอมเวลานำมาทอด และย่าง หรือที่รู้จักกันในเมนูคอหมูย่าง คอหมูทอดที่ให้รสชาติเข้มข้นและกลมกล่อม ส่วนมากคอหมูจะอยู่ที่140-160 บาท ราคาถือว่าอยู่กลาง ๆ แต่พอนำมาทำอาหารบอกได้เลยว่า คุ้มค่า เพราะได้ทั้งคุณภาพและรสชาติที่ดีจากคอหมู ทำให้สมกับเป็นที่นิยมอันดับต้น ๆ ของเนื้อหมูที่กินง่าย และอร่อยจนต้องยกนิ้วให้เลย หนังหมู หนังหมู อีกหนึ่งวัตถุดิบที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร มีเนื้อสัมผัสที่เหนียว และหนึบ เพราะมีไขมันค่อนข้างเยอะ เวลานำไปทำอาหารด้วยการต้ม เคี่ยว และนำไปทอดให้กรอบ ไม่ว่าจะเป็นเมนูแคบหมู หนังหมูทอดกรอบ หรือหนังหมูต้มพะโล้ทำให้ได้รสสัมผัสที่ไม่เหมือนส่วนอื่นของเนื้อหมู ราคาของหนังหมูอยู่ที่ 50-70 บาท เรียกได้ว่า คุ้มค่า และราคาถูกมาก เวลาเทียบกับอาหารที่นำไปแปรรูปแล้ว ด้วยความเหนียว และหนึบของหนังหมู ทำให้กลายเป็นวัตถุดิบที่ถูกใจสายอาหาร และสายกินของจุกจิกแน่นอน ซี่โครงหมู ถ้าพูดถึง ซี่โครงหมู ต้องนึกถึงความนุ่ม หนึบ และความชุ่มฉ่ำจากไขมันและกระดูก เวลานำมาทำอาหารด้วยวิธีการตุ๋น อบ ย่าง หรือต้ม จะทำให้ได้รสชาติที่เข้มข้นมากขึ้น ซี่โครงหมูมีหลายขนาดไม่ว่าจะเป็น ซี่โครงอ่อน ก็จะมีเนื้อที่นุ่ม และเคี้ยวง่าย ส่วนซี่โครงใหญ่ จะมีกระดูกเยอะ ทำอาหารยอดฮิตได้หลายเมนูเลยทั้ง ซี่โครงหมูย่าง ซี่โครงอบน้ำผึ้ง หรือ ซี่โครงตุ๋นยาจีน ส่วนมากราคาของซี่โครงหมูจะขึ้นอยู่กับซี่โครงหมูแต่ละชนิด ถือว่าไม่แพง แถมยังคุ้มค่า พร้อมทั้งให้กลิ่นหอมในอาหาร ตรงนี้จะช่วยเพิ่มอรรถรสในการกินอาหารจนวางช้อนไม่ลงแน่นอน วิธีเลือกเนื้อหมูให้ถูกส่วน ทำเมนูไหนก็อร่อย: ทอด ย่าง ตุ๋น ครบ! อ่านมาถึงตรงนี้ หลายคนอาจยังลังเลว่าเนื้อหมูแต่ละส่วน เหมาะกับการปรุงแบบไหน ในบทความนี้ เดี๋ยวเราจะพาไปดูวิธีจับคู่เนื้อหมูแต่ละส่วน กับ วิธีทำอาหาร 3 แบบยอดนิยมอย่างทอด ย่าง และตุ๋น เพื่อทำให้ได้คำตอบว่าเนื้อหมูส่วนไหนอร่อยที่สุดเวลานำมาอาหารในแต่ละมื้อ เรารวมไว้ในตารางให้แล้ว ไปดูกันเลย ตารางแมตช์เนื้อหมู: ทอด vs ย่าง vs ตุ๋น เหมาะกับเมนูอะไรบ้าง? ส่วนของเนื้อหมู เมนูทอด เมนูย่าง เมนูตุ๋น สันในหมู ✅ เนื้อนุ่ม หั่นบาง ✅✅ เนื้อนุ่ม มีกลิ่นหอม ❌ ไม่นิยมใช้ เนื้อแห้ง ไม่นุ่ม สันนอกหมู ✅ เนื้อแน่น ✅ เนื้อแน่น เคี้ยวเพลิน ❌ เนื้อแข็ง ถ้าใช้เวลาตุ๋นไม่นาน สันคอหมู ✅ เนื้อนุ่ม ฉ่ำน้ำ ⭐ เนื้อนุ่ม อร่อยที่สุด ❌ ไม่เหมาะกับการตุ๋น หมูสามชั้น ⭐ กรอบ ติดมัน เคี้ยวเพลิน ✅ เนื้อชุ่มฉ่ำ ติดมันกำลังพอดี ⭐ เนื้อเปื่อย นุ่ม ละลายในปาก สะโพกหมู ✅ เนื้อแน่น ไขมันน้อย ❌ เนื้อแห้งง่าย เพราะไขมันน้อย ⭐ เนื้อนุ่มกำลังดี ขาหมู ❌ ไม่ค่อยใช้ ❌ ไม่เหมาะกับการย่าง ⭐⭐ เนื้อและหนังเปื่อย นุ่ม หัวหมู ❌ ทอดยาก เนื้อไม่สม่ำเสมอกัน ❌ ไม่ค่อยใช้ ⭐⭐ ตุ๋นพะโล้ เนื้อเปื่อย นุ่ม หนึบ คอหมู ✅ หอม กรอบนอกนุ่มใน ⭐ เนื้อนุ่ม ฉ่ำน้ำ เหมาะที่สุด ❌ ไม่ค่อยใช้ หนังหมู ⭐ ทอดกรอบอร่อยที่สุด ❌ ไม่ค่อยใช้ เนื้ออาจจะเหนียว ✅ ได้เนื้อที่มีความหนึบ และมัน ซี่โครงหมู ❌ ไม่นิยมทอด กระดูกเยอะ ✅ เนื้อมันพอดี ย่างได้กลิ่นหอม ⭐⭐ เนื้อนุ่ม พร้อมได้น้ำซุปเข้มข้น การเลือกเนื้อหมูมาทำอาหารให้อร่อยนั้นไม่ยาก แค่เรารู้จักแต่ละส่วนของหมู ก็ทำให้รู้ว่าเนื้อหมูส่วนไหนอร่อยที่สุดเวลานำมาทำอาหาร พร้อมกับรู้ว่าแต่ละส่วนเหมาะกับวิธีการปรุงอาหารแบบไหนบ้าง ไม่ว่าจะนำมาทอด ย่าง หรือตุ๋นก็ทำให้ได้เมนูสุดอร่อย พร้อมกับเนื้อที่มีความนุ่ม ละมุน และละลายในปากทุกคำ จนต้องวางช้อนไม่ลงแน่นอน ถ้าเลือกเนื้อหมูให้ถูกส่วนตั้งแต่แรกก็ทำให้ได้เมนูแสนอร่อยโดยไม่ต้องกังวลอะไรเลย แถมยังได้อาหารสุดพิเศษในแต่ละมื้อด้วย และถ้าอยากให้เนื้อหมูละลายในปาก ลองดู 5 สูตรหมักเนื้อหมูให้นุ่มภายใน 10 นาที ใช้ได้กับทุกส่วน ไม่ว่าจะเป็นสันคอ สันใน หรือสามชั้น เนื้อนุ่มแน่นอน ต้องลอง

5 สูตรหมักเนื้อหมูนุ่ม 10 นาที เคล็ดลับละลายในปากทุกเมนู

5 สูตรหมักหมูนุ่มใน 10 นาที

หมักหมูได้ไม่ยาก 5 สูตรหมักเนื้อหมูนุ่ม เปลี่ยนจากเนื้อหมูธรรมดาให้กลายเป็นเนื้อหมูแสนอร่อยได้ง่าย ๆ ต้องลอง เชื่อว่าหนึ่งในวัตถุดิบที่นิยมของทุกบ้าน คงพลาด “เนื้อหมู” ไปไม่ได้ เพราะเป็นวัตถุดิบที่หาง่าย ทำได้ทุกเมนู ตั้งแต่มื้อธรรมดาจนถึงมื้อพิเศษ แต่บ่อยครั้งหลายคนเจอปัญหาเนื้อหมูแห้ง เหนียว และแข็งจนทำให้มื้ออาหารแสนพิเศษต้องจบลงด้วยมื้อที่ไม่อร่อยแทน แล้วจะทำยังไงให้จากเนื้อหมูธรรมดากลายเป็นหมูนุ่มสุดอร่อย วันนี้หมูอินเตอร์รวม 5 สูตรหมักเนื้อหมูนุ่ม หมักง่าย ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่อร่อย มาแนะนำสายชอบกินชาบู หมูกระทะ รับรองไม่ว่าเมนูไหนก็เอาอยู่ อยากให้เนื้อหมูนุ่ม ควรเลือกเนื้อส่วนไหน ให้เข้ากับ 5 สูตรหมักเนื้อหมูนุ่ม ก่อนจะไปถึงสูตรหมักหมูนุ่ม สิ่งสำคัญอันดับแรกคือ “การเลือกเนื้อหมูที่เหมาะสม” เพราะเนื้อแต่ละส่วนให้สัมผัสที่ต่างกัน ถ้าเลือกถูก รับรองว่าสูตรหมักจะได้ผลแน่นอน มาเลือกเนื้อหมูให้ได้เนื้อที่นุ่ม อร่อยแบบมือโปรกันเลย เทคนิคเลือกเนื้อหมูสุดอร่อย ให้เหมาะกับสูตรหมักเนื้อหมูนุ่ม ก่อนจะรู้วิธีหมักเนื้อหมูให้นุ่ม อร่อยโดนใจ ต้องเริ่มจากการเลือกเนื้อหมูที่สดใหม่ สะอาด และปลอดภัย สังเกตจาก 2 อย่างนี้ สีของเนื้อหมูสด ต้องมีสีแดงอมชมพู ผิวต้องมันลื่น ไม่เหนียว เวลากดลงบนเนื้อจะต้องคืนตัว สีไม่ซีด คล้ำ และเขียว ดังนั้นก่อนเลือกซื้อเนื้อหมูควรดูให้แน่ใจก่อนว่าเนื้อหมูได้คุณภาพ และปลอดภัยต่อร่างกายของเราหรือไม่ กลิ่นของเนื้อหมู ต้องไม่มีกลิ่นเหม็น เรื่องนี้ก็เป็นอีกเรื่องที่ควรให้ความสำคัญ เพราะไม่ว่าเราจะเดินเข้าไปเลือกซื้อหมูตามตลาดสด ร้านขายหมูสด หรือซุปเปอร์มาร์เก็ต เพียงแค่ได้กลิ่นของเนื้อที่มีกลิ่นเหม็นลอยมา เราก็ตัดสินใจทันทีว่าจะไม่ซื้อเนื้อหมูจากร้านนี้แน่นอน และจะหันหลังกลับไปซื้อร้านอื่นแทน เนื้อหมูส่วนไหน เหมาะกับสูตรหมักเนื้อหมูนุ่มจนอร่อย นุ่ม ละลายในปาก สำหรับส่วนของเนื้อหมูที่จะนำมาหมักให้เนื้อนุ่ม เราขอแนะนำเนื้อหมูทั้งหมด 3 ส่วนที่หมักแล้วนุ่มแน่นอน  ทำอาหารในมื้อพิเศษได้ไม่ยาก พร้อมหาซื้อวัตถุดิบได้ง่าย สันคอหมู ส่วนที่เหมาะที่สุด เพราะมีไขมันแทรกในเนื้อ ใช้เวลาหมักไม่นาน นำไปทำอาหารจะได้เนื้อที่มีความนุ่ม ละลายในปาก รับรองถูกใจ สายปิ้งย่าง ชาบู หมูกระทะ แน่นอน สันในหมู ส่วนที่ขึ้นชื่อว่านุ่มที่สุด จากทุกส่วนของหมู จะทำด้วยวิธีปิ้ง ย่าง ผัด และทอด ทำให้ได้เนื้อนุ่มที่แตกต่างกัน เวลานำมาหมักไม่จำเป็นต้องใช้เวลานาน ทำให้ไม่เหมาะกับเมนูหมูกระทะ เพราะถ้าสุกเกินไป เนื้อจะมีความแห้ง และแข็ง หมูสามชั้น หมูที่มีเนื้อ มัน และหนังสลับกันเป็นชั้น ๆ เหมาะกับการหมักก่อนนำมาทำอาหาร เพราะหมูสามชั้นมีรสชาติเข้มข้นขึ้นจากการหมักด้วยเครื่องปรุงรส ทำให้เหมาะกับการนำไปทอดหมูกรอบ หรือปิ้งย่างชาบู หมูกระทะก็ได้เนื้อสัมผัสที่นุ่มไปอีกแบบ แจก 5 สูตรหมักเนื้อหมูนุ่ม ทำง่าย อร่อยทุกบ้าน รู้เรื่องวิธีการเลือกเนื้อหมูไปแล้ว งั้นหมูอินเตอร์ขอแนะนำ 5 สูตรหมักเนื้อหมูนุ่ม จากนมสด สับปะรด โซดา กีวี่ และเอนไซม์ ใครที่กำลังเจอกับปัญหาการหมักหมูมากี่วิธีก็ไม่ยอมนุ่มสักที ตามมาดูเลยว่าทั้ง 5 สูตรหมักเนื้อหมูนุ่มนี้จะช่วยทำให้เนื้อหมูนุ่มได้จริงหรือไม่ บางทีอาจเปลี่ยนจากเรื่องยากในการหมักหมูให้กลายเป็นเรื่องง่าย ๆ สูตรหมักเนื้อหมูนุ่มด้วยนมสด การหมักหมูให้นุ่มด้วยนมสด เป็นวิธีที่ให้เนื้อหมูมีความนุ่มมากขึ้น แถมยังช่วยลดกลิ่นคาวของเนื้อหมูได้ วิธีหมักหมูด้วยนมสดนั้นเหมาะกับเนื้อที่มีไขมันไม่เยอะ เวลาที่หมักเนื้อหมูเสร็จเรียบร้อยแล้วนำมาทำอาหาร เนื้อหมูจะมีความนุ่ม และมีความหอมของนมสดมากขึ้น ส่วนผสม เนื้อหมูหั่นชิ้น 500 กรัม นมสดจืด 120 กรัม วิธีหมักเนื้อหมู ขั้นตอนแรกนำเนื้อหมูที่เตรียมไว้ใส่ในถ้วยผสม หลังจากนั้นเทนมสดจืดลงไปให้ท่วมเนื้อหมู คลุกเคล้าเนื้อหมูและนมให้เข้ากัน หลังจากนั้นปรุงรสตามใจชอบ นำเนื้อหมูที่หมักไว้เข้าตู้เย็น 30-60 นาที หรือจะทิ้งไว้ข้ามคืนก็ได้ สูตรหมักเนื้อหมูนุ่มด้วยสับปะรด อย่างที่รู้กันว่า “สับปะรด” ทำให้เนื้อหมูนุ่มได้เร็วขึ้น เพราะเนื้อสับปะรดจะมีเอนไซม์โบรมีเลน ทำหน้าที่ในการย่อยโปรตีน ทำให้จากเนื้อที่มีความเหนียว สามารถนุ่มลงเพียงใช้เวลาไม่กี่นาทีจะทำให้เนื้อหมูนุ่มและติดความหวานอมเปรี้ยวเล็กน้อย แต่ต้องระวังเรื่องเวลาจะใช้วิธีนี้ในการหมักเนื้อหมู ควรพักเนื้อหมูไม่เกิน 15 นาที เพราะเวลานำไปทำอาหาร จะทำให้เนื้อหมูเละได้ ใครที่ซื้อสับปะรดมาแล้วกำลังจะเน่า รีบเอามาหมักหมูด่วน ก่อนเสียดายแล้วต้องทิ้งลงถังขยะ ส่วนผสม เนื้อหมูหั่นชิ้น 500 กรัม สับปะรดสุก 3 ช้อนโต๊ะ (บดละเอียด) หรือใช้น้ำสับปะรดสด 1/4 ถ้วย วิธีหมักเนื้อหมู ขั้นตอนแรกนำสับปะรดสุกมาบด หรือปั่นเป็นน้ำสับปะรด หลังจากนั้นนำเนื้อหมูที่เตรียมไว้ ปรุงรส และผสมกับสับปะรดที่เตรียมไว้ คลุกเคล้าเนื้อหมูและเนื้อสับปะรดบดให้เข้ากัน ก่อนจะนำไปปรุงรสให้เรียบร้อย นำเนื้อหมูที่หมักไว้แช่ตู้เย็น ทิ้งประมาณ 5-15 นาที พอครบเวลาสามารถนำไปทำอาหารต่อ สูตรหมักเนื้อหมูนุ่มด้วยเบกกิ้งโซดา เบกกิ้งโซดา ถูกนำมาเป็นส่วนผสมของซอสหมักเนื้อต่าง ๆ หนึ่งในนั้นยังมีส่วนที่ช่วยให้เนื้อหมูนุ่มขึ้น และลดความเหนียวได้ดีเลย  การหมักด้วยวิธีนี้ ถือว่าเวิร์กมาก แต่ต้องระวังตอนหมักเนื้อหมู เพราะถ้าใส่เบกกิ้งโซดาในปริมาณที่มากเกินไป จากเนื้อหมูที่นุ่มขึ้น อาจได้ความขมติดมาด้วย ส่วนผสม เนื้อหมูหั่นชิ้น 500 กรัม เบกกิ้งโซดา 1 ช้อนชา น้ำเปล่า 1 ถ้วย วิธีหมักเนื้อหมูให้นุ่มด้วยเบกกิ้งโซดา (วัตถุดิบเป็นที่ต้องการของการทำขนมหวาน) ขั้นตอนแรกละลายเบกกิ้งโซดา 1 ช้อนชาในถ้วยน้ำเปล่า นำเนื้อหมูที่เตรียมไว้แช่ลงในน้ำที่ผสมเบกกิ้งโซดา จากนั้นแช่ตู้เย็น และทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาที ย้ำว่าขั้นตอนนี้สำคัญมาก พอครบเวลาที่หมักให้ล้างออกด้วยน้ำเปล่า 2-3 รอบ ก่อนจะนำไปปรุงรส และทำอาหารต่อ สูตรหมักเนื้อหมูนุ่มด้วยกีวี่ ขึ้นชื่อผลไม้ที่ได้ฉายาแห่ง “เชฟมือทอง” ของตระกูลผลไม้ คงหนีไม่พ้น “กีวี่” ที่ให้ประโยชน์กับร่างกายหลายอย่าง รวมทั้งเป็นตัวช่วยหนึ่งที่ทำให้เนื้อหมูนุ่ม เพราะในตัวของกีวี่มีเอนไซม์พิเศษอย่างแอคทินิดีน คอยช่วยทำหน้าที่ให้หมูของเรานุ่มเร็วขึ้น อย่างไรก็ตามควรดูเวลาหมักเนื้อให้ไม่เกิน 15 นาทีเพราะอาจจะทำให้เนื้อเละได้เช่นเดียวกับการหมักด้วยสับปะรด ส่วนผสม เนื้อหมูหั่นชิ้น 500 กรัม กีวี่หั่นชิ้น หรือสับ 100 กรัม วิธีหมักเนื้อหมูให้นุ่มด้วยผลไม้ที่ขึ้นชื่อว่า “เชฟมือทอง” อย่างกีวี่ นำกีวี่ที่หั่น หรือสับไว้แล้ว ผสมกับเนื้อหมูที่เตรียมไว้ พร้อมใส่เครื่องปรุงรสให้เรียบร้อย หลังจากนั้นนำเนื้อหมูที่หมักไว้ไปแช่ตู้เย็น และทิ้งไว้ประมาณ 5-15 นาที ก่อนจะนำมาทำอาหารต่อ สูตรหมักเนื้อหมูนุ่มด้วยเอนไซม์ วิธีนี้จะใช้เอนไซม์ธรรมชาติ เช่น สับปะรด และมะละกอดิบ มาสกัดให้เป็นผงเอนไซม์ก่อนนำมาใช้ในการหมักเนื้อหมูให้นุ่ม ส่วนมากร้านอาหารนิยมใช้จนได้ฉายาว่า “วิธีหมักเนื้อหมูให้นุ่มแบบมืออาชีพ” เพราะใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีในการหมักเนื้อเท่านั้น แต่ขอเตือนไว้ก่อนว่า การหมักด้วยผงเอนไซม์แช่ทิ้งไว้ข้ามคืนไม่ได้ เพราะจะทำให้เนื้อเละ และทำอาหารไม่อร่อยได้ เตือนแล้วนะ ส่วนผสม เนื้อหมูหั่นชิ้น 500 กรัม ผงเอนไซม์จากสับปะรด และมะละกอดิบ 1/4 ช้อนชา วิธีหมักเนื้อหมูให้นุ่มด้วยผงเอนไซม์แบบมืออาชีพ เทผงเอนไซม์ลงบนเนื้อหมูที่เตรียมไว้พร้อมกับผสมให้เข้ากัน และทิ้งไว้ 10 นาที จากนั้นปรุงรสตามใจชอบ ตามสูตรของแต่ละคนได้เลย ก่อนจะนำมาหมักทิ้งไว้ 20-30 นาที และนำไปทำอาหารต่อ Q&A คำถามยอดฮิต เรื่องความปลอดภัยจาก 5 สูตรหมักเนื้อหมูนุ่ม ทุกคนสงสัยแบบไหน เราก็สงสัยแบบนั้น งั้นให้หมูอินเตอร์ตอบ 4 คำถามที่ทุกคนสงสัยเกี่ยวกับเรื่องความปลอดภัยจาก 5 สูตรหมักเนื้อหมูนุ่ม  ตามไปดูกันเลย Q : ถ้าเราหมักเนื้อหมูไว้ สามารถทิ้งไว้ข้ามคืนได้ไหม? A : คำถามนี้เหมาะกับคนขี้ลืม หรือพนักงานประจำที่ไม่มีเวลา  ต้องบอกเลยว่า ทิ้งไว้ข้ามคืนได้  แต่ต้องเลือกวิธีหมักที่มีเอนไซม์ไม่เยอะ เช่น ใช้นมสดในการหมักแทน เพราะใช้เอนไซม์ที่มาจากธรรมชาติร้อยเปอร์เซ็นต์ Q : หมูที่หมักเก็บไว้ในห้องปกติได้ไหม? A : ไม่ได้ ต้องแช่ตู้เย็นเท่านั้น  เพื่อช่วยยืดอายุของเนื้อหมูที่หมักให้นานขึ้น รวมทั้งป้องกันการโตของเชื้อแบคทีเรียด้วย Q : ผงเอนไซม์ที่ใช้หมักหมูให้นุ่มตามร้านอาหารปลอดภัยแค่ไหน? A : ปลอดภัยแน่นอน ถ้าใช้เอนไซม์  1/4 ช้อนชา ต่อ เนื้อหมูหั่นชิ้น 500 กรัม  เพราะสกัดมาจากผลไม้ธรรมชาติอย่างสับปะรด และกีวี่ แต่อย่าใส่เยอะ และหมักนานเกินไป Q : แล้วถ้าหมักเนื้อหมูไว้หลายวัน เราจะรู้ได้ยังไงว่าเนื้อหมูที่หมักไว้ยังใช้ได้อยู่? A : ง่าย ๆ เลย ดูจากสี กลิ่น และผิวสัมผัส ถ้ามีสีคล้ำ กลิ่นเปรี้ยวแรง หรือมีถ้ามีกลื่น ให้ทิ้งทันที เพียงแค่รู้ 5 สูตรหมักเนื้อหมูนุ่ม เราก็สามารถทำได้ง่าย ๆ หาซื้อวัตถุดิบได้ไม่ยาก นอกจากการหมักเนื้อหมู ยังได้หลักการเลือกเนื้อหมูที่ทำให้หมูนุ่ม  พร้อมตบท้ายด้วยการไขคำตอบที่ทุกคนสงสัย เรียกได้ว่าขนความรู้กลับบ้านไปอย่างเต็มอิ่ม  อ่านมาถึงตรงนี้ เพียงแค่แวะมาที่หมูอินเตอร์ใกล้บ้านคุณ ทุกสาขา หรือทางสั่งออนไลน์ก็คิดเมนูแสนอร่อยได้แล้ว ถ้าใครยังคิดไม่ออกว่าจะเอาเนื้อหมูมาทำอะไรได้บ้างหลังจากหมักแล้ว ไม่อยากทิ้งเพราะเสียดายของ หมูอินเตอร์ขอแนะนำเมนูหมูกระทะ ชาบู และปิ้งย่าง รับรองว่าทานแล้วนุ่ม อร่อย เคี้ยวเพลิน รับรองติดใจแน่นอน

Copyright © 2025 | MOOTINTER