หมูอินเตอร์ จากแผงขายหมูหน้าบ้าน สู่ ร้านขายหมูติดแอร์

หมูอินเตอร์ จากแผงขายหมูหน้าบ้าน สู่ ร้านขายหมูติดแอร์
ใครที่พึ่งเริ่มต้นทำธุรกิจร้านอาหาร หรือธุรกิจอะไรก็ตาม แม้คุณจะเตรียมตัวมาอย่างดี เมื่อเปิดร้านครั้งแรก ความผิดหวังเป็นเรื่องธรรมดาที่ทุกคนต้องเจอ คุณเสียใจได้ พักได้ แต่ห้ามยอมแพ้ แล้วปล่อยให้ความพยายามนั้นสูญเปล่า ทั้งที่ยังไม่ได้ลงมือทำอะไรเลยสักอย่าง ตัวอย่างที่เห็นชัดเจน คือ “หมูอินเตอร์” ร้านขายหมูที่เกิดจากความตั้งใจของ คุณณรงค์ ธรรมจารี เจ้าของหมูอินเตอร์ เขาเรียนรู้ และพัฒนาตัวเองอยู่ตลอดเวลา จากคนธรรมดาที่เริ่มต้นจากศูนย์ด้วยการเลี้ยงหมู 2 ตัว ตั้งแผงขายหมูเล็ก ๆ หน้าบ้าน จนกลายมาเป็นร้านขายหมูติดแอร์ ที่พ่อค้าแม่ค้ากลับมาซื้อซ้ำ และเป็นที่รู้จักจนถึงทุกวันนี้

หมูอินเตอร์ ไม่ได้อินเตอร์แค่ชื่ออย่างเดียว!
หลังจากเรียนรู้ เลียนแบบ และเรียนลัดมาหมดแล้ว ร้านหมูอินเตอร์เปิดให้บริการครั้งแรกในปี 2552 บนพื้นที่เล็ก ๆ จากเดิมเคยเป็นแผงขายหมูหน้าบ้าน สู่ ร้านหมูติดแอร์แห่งแรกของภาคเหนือ จากหนังสือหมูอินเตอร์ ธุรกิจยอดขายพันล้านที่วิกฤต และความจนเป็นคนสอน เล่าว่า “หมูอินเตอร์” สาขาแรกแทบไม่มีลูกค้าเข้าร้าน ถึงจะเตรียมพร้อมทุกอย่างมาอย่างดี แต่ก็ต้องสอบตก เพราะคนส่วนใหญ่ อาจจะคิดว่าถ้าเดินเข้ามาซื้อหมูร้านนี้ ต้องแพงแน่นอน รวมทั้งหลาย ๆ คนที่ผ่านไปผ่านมาก็ยังไม่รู้จักว่า นี่คือ ร้านขายหมู มีเพียงแต่โปสเตอร์ที่ปริ้นมาติดอยู่หน้าร้านอย่างเดียว ทำให้คุณณรงค์ตัดสินใจทำป้ายร้าน “หมูอินเตอร์” พร้อมกับปั้นรูปปั้นหมูขึ้นมา 2 ตัวมาวางไว้หน้าร้านให้เป็นจุดสังเกตว่าร้านนี้คือ ร้านขายหมู
ชื่อที่ทุกคนเรียกผมว่า…
ไอ้รงค์หมู
ชื่อนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นในการตั้งชื่อ ร้านขายหมูติดแอร์แห่งนี้ คนส่วนใหญ่มักจะเรียกเขาว่า ไอ้รงค์หมู เพราะเขาเลี้ยงหมูมานาน ทำให้ชื่อนี้กลายเป็นฉายาของเขา ส่วนคำว่า อินเตอร์ ที่มาต่อท้ายคำนั้น เป็นเพราะอยากให้ร้านดูทันสมัย และเข้าถึงลูกค้าได้ทุกช่วงวัย
ไม่ว่าใครก็เดินเข้ามาซื้อหมูเราได้ แต่ก่อนจะเป็นชื่อหมูอินเตอร์ เคยใช้ชื่อ แม่สารพาณิชย์ มาก่อน หรือเรียกง่าย ๆ ว่า MSP ย่อมาจากคำว่า แม่สาร คือ แม่น้ำแม่สาร หรือที่ทุกคนรู้จักในชื่อของ แม่สารป่าแดด พอนำมารวมกับชื่อของหมู่บ้านจะได้ชื่อว่า แม่สารพาณิชย์ ในช่วงที่คุณณรงค์ยังเลี้ยงหมู เขาได้หาที่ปรึกษาเข้ามาช่วย เป็นกลุ่มอาจารย์ระดับประเทศ หนึ่งในนั้น คือ คุณหมอเป้า
ที่ปรึกษาที่ช่วยตั้งชื่อร้านขายหมูแห่งนี้ให้
“ผมฝันไกลนะ เผื่ออีกหน่อย กิจการจะเติบโตมาก”
“มีโรงงาน มีอะไรพร้อมถึงขั้นส่งออกในระดับอินเตอร์”
คำพูดของคุณณรงค์ในวันนั้น ที่ถามที่ปรึกษาว่าควรตั้งชื่อร้านยังไงดี ให้ดูอินเตอร์ และมีความทันสมัยมากขึ้น ที่ปรึกษาเลยแนะนำว่าถ้าอยากให้ร้านดูสมัยใหม่ลองใส่คำว่า อินเตอร์ เข้าไป ทำให้กลายเป็นชื่อ “หมูอินเตอร์” ที่ทุกคนคุ้นหูในทุกวันนี้ ส่วนชื่อของบริษัทเปลี่ยนมาใช้ชื่อ เอ็มเอสพี อินเตอร์ฟู้ดส์ (MSP Interfood) แทน เรียกได้ว่าเตรียมตัวมาได้ระดับหนึ่งแล้ว มีทั้งชื่อร้าน ร้านติดแอร์เรียบร้อย อุปกรณ์และเครื่องต่าง ๆ มีพร้อมเหมือนคนอื่น ตอนนี้มาถึงโจทย์ที่ยากที่สุดของการทำธุรกิจ คือ ทำยังไงถึงจะขายได้เพราะทั้งหมดที่ทำมาตอนแรก คือ “ได้ทำ” แต่สิ่งที่สำคัญ คือจะทำยังไงให้ “ทำได้”
แล้วจะทำยังไงให้ หมูอินเตอร์ เข้าไปวางในใจคน ในใจลูกค้าได้
ไม่ใช่แค่เป็นการวางสินค้าบนชั้นวางของแบบผ่าน ๆ อย่างเดียว…
หมูอินเตอร์กับคำว่า ได้ทำ อาจยังไม่พอ ถ้าไม่ตอบโจทย์
ลูกค้าต้องการอะไร เราต้องหาขุมทรัพย์นี้ให้เจอ!
พอทำทุกอย่างครบแล้ว ทั้งปรับเปลี่ยนหน้าร้าน เพิ่มความสะดวกสบายให้กับลูกค้า พร้อมที่จะขายได้ตลอดเวลา แต่ถ้าสุดท้ายลูกค้าเดินเข้าร้านมาแล้วไม่ซื้อ หมายความว่าสิ่งที่เราทำมันยังไม่ตอบโจทย์กับสิ่งที่ลูกค้าต้องการ จนบางครั้งเกิดคำถามว่า เรามาผิดทางไหม สิ่งที่ต้องทำ คือ ต้องแก้ไขให้เร็วที่สุด ดูว่าเรายังขาดหัวใจสำคัญในเรื่องไหนบ้าง สุดท้ายแล้วถ้าเราขายเนื้อหมูราคาถูก เข้าถึงง่าย คุณภาพดี จะทำให้ลูกค้ากลุ่มพ่อค้าแม่ค้า และคนที่ชอบทำอาหารเดินเข้ามาซื้อของอย่างไม่ขาดสายแน่นอน คุณณรงค์เชื่อว่า
เราต้องทำในสิ่งที่คนอยากซื้อ
ต้องทำในสิ่งที่คนขายอยากขาย ไม่ใช่สิ่งที่เราอยากทำ
คุณณรงค์ใช้คำว่า “ต้องทำ” เท่านั้น หมายความว่า เราต้องคอยบอก และย้ำเตือนตัวเองตลอดเวลา เราต้องไม่ทำในสิ่งที่เราอยากทำ หรือสิ่งที่เราคิดแต่ไม่ลงมือทำสักทีอีก แต่เรา ต้องทำ ในสิ่งที่ลูกค้าอยากได้ หาให้ได้ ว่าลูกค้าอยากได้อะไร นั่นคือเป้าหมายสำคัญ
แล้วจะทำยังไงให้เข้าใจว่า ลูกค้าอยากได้อะไร?
ถ้าอยากรู้ว่าลูกค้าอยากได้อะไร จุดนี้เป็นสิ่งที่ต้องหาให้เจอ แค่เริ่มจากการปรับทัศนคติของตัวเองให้เข้ากับลูกค้าคนละครึ่งทาง เพราะมุมมองความเห็นของคนเราต้องมีความเห็นที่ไม่เหมือนกันเป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว เราต้องเป็นคนเข้าหาลูกค้าก่อน ไม่ใช่รอให้ลูกค้าเข้าหาเรา เพราะฉะนั้น…
ให้ทำในสิ่งที่ “ควร” ไม่ใช่ทำในสิ่งที่ “เคย” มากกว่า
เพราะถ้าทำในสิ่งที่เคยทำ ต้องสำเร็จไปนานแล้ว ไม่ต้องคอยมานั่งแก้ปัญหาอยู่บ่อย ๆ นั่นแสดงว่าที่เคยทำ และคิดว่าถูกแล้ว
ยังไม่ใช่แน่นนอน ยกตัวอย่างว่าถ้ายังย่ำอยู่กับที่ ขายของแบบที่เคยขาย หั่นหมูแบบไม่พอดีคำ ทำตามใจไปเรื่อย ๆ ไม่ยอมปรับตัวให้เข้ากับลูกค้า และตลาด สุดท้ายจะเป็นเราเองที่จะอยู่ไม่ได้จนต้องล้มเลิกธุรกิจไป
สุดท้ายแล้ว…ความผิดไม่ใช่ของลูกค้า
ความผิดอยู่ที่เรา ตัวเราต้องปรับตัวเข้าหาลูกค้า
ไม่ใช่ให้ลูกค้าปรับตัวเข้าหาเรา
ช่วงแรกที่เริ่มเปิดร้าน คุณณรงค์พยายามบอกลูกค้าเก่า ด้วยการบอกปากต่อปาก และโทรศัพท์ไปบอกว่าเขาเปิดร้านขายหมูใหม่อยู่ที่เดิม หรือไม่ว่าจะเจอคนรู้จักก็บอกว่าร้านเขาขายหมูแบบห้องแอร์แล้ว ลองแวะมาซื้อกัน ช่วงเปิดร้านใหม่เรียกได้ว่าช่วงโปรโมท พยายามสร้างการรับรู้ยังไงก็ได้ ให้คนรู้จักหมูอินเตอร์มากที่สุด รวมทั้งพยายามเอาใจและทำทุกอย่างที่ลูกค้าต้องการ ไม่ว่ายังไง
เราต้อง…พยายามเอาสินค้าเราไปนั่งในหัวใจเขาให้ได้
หลังจากเปิดร้านได้ไม่นาน จากที่มีลูกค้ากลุ่มเดิมแวะเข้ามาซื้อเนื้อหมู ตอนนี้ได้กลุ่มลูกค้าเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มคนที่ชอบกินลาบและหลู้ เริ่มหันมาซื้อเนื้อหมูมากขึ้น เพราะส่วนมากเมนูนี้จะใช้วัตถุดิบพวกเครื่องใน และเลือดหมูเป็นหลัก ซึ่งจะแตกต่างจากที่อื่น
ที่แยกขายแต่ละส่วน แต่ของหมูอินเตอร์ เราสามารถจัดเป็นชุดให้ได้เลย ทำให้ลูกค้าหลายคนชอบ เพราะสะดวก และประหยัดงบในมือมากกว่าการไปหาซื้อทีละส่วนแยกกัน จากเหตุการณ์นี้ทำให้คุณณรงค์เริ่มศึกษามากขึ้นว่า
ลูกค้าชอบอะไร ต้องการอะไร เราก็พร้อมทำให้หมด
ไม่ว่าจะซื้อไปทำอาหารอะไร เวลาที่ลูกค้าต้องการให้หั่นเนื้อแบบไหน หั่นยังไง เราก็ทำให้ได้ ตามใจลูกค้าทุกอย่าง ยกตัวอย่างให้เข้าใจง่าย ๆ เช่น ถ้ามีคนมาสั่งออเดอร์พิเศษ ต้องการหมูทำแกงฮังเล 60 กิโล ใช้ทำอาหารเลี้ยงสำหรับงานศพแบบนี้ เราจะหั่นเนื้อหมูเป็นชิ้น ๆ พร้อมใช้ได้ทันที เวลาที่ลูกค้ามารับของจากเราไป แค่แกะถุงก็พร้อมปรุงได้เลยทันที ไม่ต้องมานั่งหั่นให้เสียเวลา หรือแม้แต่คุณยายที่มาขอซื้อเนื้อหมู 5 บาท 10 บาทแบบนี้เราก็ขาย
จากจุดเริ่มต้นเล็ก ๆ ด้วยการตั้งแผงขายหมูหน้าบ้าน สู่ ร้านขายหมูติดแอร์เจ้าแรกของภาคเหนือที่ลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำ อ่านมาถึงตรงนี้ สิ่งหนึ่งที่ทำให้ “หมูอินเตอร์” ร้านขายหมูในห้องแอร์เดินไปข้างหน้าได้จนถึงทุกวันนี้ ไม่ใช่เพราะมีสินค้าดี ราคาถูก และมีคุณภาพเท่านั้น แต่ต้องมีความพยายาม มุ่งมั่น ตั้งใจ พร้อมที่จะปรับเปลี่ยนให้ทันโลกปัจจุบัน กล้าถาม กล้าสังเกตพฤติกรรมของลูกค้า และหาคำตอบให้ได้ว่า “ลูกค้าอยากได้อะไร และเราจะทำยังให้ลูกค้าได้บ้าง” สุดท้ายขอแค่ใส่ใจ กล้าที่จะทำ และต้องทำให้ได้ ทุกอย่างจะเดินไปข้างหน้าได้แน่นอน
“ยังไม่ได้ลงมือทำ ไม่ได้หมายความว่าจะทำไม่ได้”
คุณณรงค์ ธรรมจารี, เจ้าของหมูอินเตอร์
…
แล้วคุณล่ะ กล้าที่จะลงมือทำรึยัง?
เลือกว่าจะเป็นถ่านหรือเป็นเพชร?